ตลท.เปิดโผหุ้นปันผลเด่น ทางเลือกภาวะดบ.ต่ำ

ตลท.เปิดโผหุ้นปันผลเด่น ทางเลือกภาวะดบ.ต่ำ

ตลท.แนะหุ้นปันผล ทางเลือกลงทุนในภาวะดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเปิดโผ 10 หุ้น มี Dividend yield เฉลี่ย 5 ปี 8.08% สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ต่ำกว่า 2%

น.ส. สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยรายงาน SET NOTE ฉบับที่ 3/2563 เรื่อง“หุ้นปันผล ทางเลือกลงทุนในภาวะดอกเบี้ยต่ำ” ว่าปัจจุบันทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (Government yield curve) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับระดับราคาสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ผู้มีเงินออมอาจต้องพิจารณาทางเลือกในการออมและการลงทุนให้หลากหลายขึ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นปันผลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมเพื่อการลงทุนระยะยาว ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ

ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินเงินฝาก 12 เดือนของสถาบันการเงินในประเทศ อยู่ที่ระดับ 0.25% - 1.85% และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี อยู่ที่ในระดับ 0.88% ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับ 0.8% อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะคุ้มครองเงินฝากสูงสุด 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝากเงิน ต่อ 1 สถาบันการเงินเท่านั้น ดังนั้น ผู้มีเงินออมจำเป็นต้องให้ความสนใจในการบริหารจำนวนเงินต่อบัญชีต่อสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2553 - 2562) พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนรวมสูงถึง 4.74 ล้านล้านบาท โดยในปี 2562 มีการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 610,768 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากในปี 2553 หรือมีอัตราการเติบโตของเงินปันผลเฉลี่ยรายต่อปี (CAGR) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 7.37% ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากจำนวนบริษัทที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลจ่ายที่เพิ่มขึ้น

โดยจากเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นปันผล (Dividend Universe) ที่ต้องเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง 5 ปี และมีคะแนนบรรษัทภิบาล (CG Score) ครั้งล่าสุดอยู่ในระดับตั้งแต่ “ดี” ขึ้นไป พบว่า บริษัทจดทะเบียน 168 จากทั้งหมด 705 บริษัท ผ่านตามเกณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจบริการมากที่สุด รองลงมา คือกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ตามลำดับ และหากเมื่อเทียบกับจำนวนบริษัททั้งหมดในอุตสาหกรรม พบว่า บริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการ อยู่ใน Dividend Universe ในสัดส่วนสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่น

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Dividend Universe มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 4.14% ต่อปี สูงกว่าภาพรวมที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.71% และสูงกว่าบริษัทจดทะเบียนที่อยู่นอกกลุ่ม Dividend Universe ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.19% และเมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรม พบว่า บริษัทจดทะเบียนใน Dividend Universe ที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มธุรกิจการเงิน ที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.71%, 5.39% และ 5.15% ตามลำดับ

ส่วนบริษัทที่มี Dividend yield เฉลี่ย 5 ปี สูงสุด 15 อันดับแรกใน Dividend Universe มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง โดยอยู่ในช่วง 7.07% - 9.95% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 8.08% ขณะที่เงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ไทยต่ำกว่า 2.00%

นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Dividend Universe ชุด 5 ปี ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด โดยตลอดช่วง 5 ปีการลงทุนให้ผลตอบแทนรวม 47.54% ขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทนรวม 22.10% ดังนั้น การลงทุนในหุ้นปันผลจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้มีเงินออมที่ต้องการลงทุนในระยะยาว ส่วน 10 อันดับหุ้นปันผลในกลุ่ม Dividend Universe ประกอบด้วย MODERN-SWC-LHK-KGI-MFC-MBAX-PT-INTUCH-PATO-AIT