บวกต่อ และยัง"ผันผวน"แรง

บวกต่อ และยัง"ผันผวน"แรง

แม้มีปัจจัยบวกต่างๆ แต่คาดว่าทางขึ้นของ SET Index ช่วงสั้นมีจำกัด เพราะสถานการณ์การติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศหลักๆ ยังคงแย่ลง

KGI ประเมิน SET Index วันพุธปรับขึ้นต่อ แต่จะผันผวนแรงต่อไป... มุมมองเดียวกับเมื่อวานนี้ซึ่งหุ้นไทยฟื้นตัวและเหวี่ยงแรงทั้งวัน (ตามคาด)... ปัจจัยหนุนได้แก่ i) การฟื้นตัวแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ ตอบรับความคาดหวังของมาตรการลดภาษีเงินเดือนและมาตรการอื่นๆ มูลค่ารวม 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ ii) ราคาน้ำมันดิบดีดแรงกว่า 10% เมื่อคืนและบวกต่อเช้าวันนี้ หลังจากสำนักข่าว CNBC รายงานว่ารัสเซียยังเปิดช่องกลับมาหารือกับซาอุฯ อีกครั้ง เพื่อบริหารจัดการภาวะตลาดน้ำมัน แต่ข่าวนี้ยังไม่มีความชัดเจนและต้องติดตาม iii) ครม. วานนี้อนุมัติมาตรการ 12 อย่างเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการผู้บริโภค และตลาดทุน รวมถึงการเพิ่มกองทุน SSF พิเศษ ให้สิทธิลดภาษี 2 แสนบาท แต่ต้องซื้อกองทุนดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2/2563 เท่านั้น... อย่างไรก็ดีแม้มีปัจจัยบวกต่างๆ ข้างต้น ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าทางขึ้นของ SET Index ช่วงสั้นมีจำกัด เพราะสถานการณ์การติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศหลักๆ ยังคงแย่ลง และในประเทศไทยเมื่อวานนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน ไม่รวมประเด็นข่าวเกี่ยวกับผู้ติดเชื้ออีก 1 คนที่ทำกิจการร้านอาหารในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจใน กทม.

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร หุ้นบริหารหนี้+สุขภาพ / รับเสี่ยงได้น้อยพักเงินที่หุ้น ไฟฟ้า+ประปา

- Wait&See "รอเก็งกำไร" รีบาวด์ โดยเราประเมิน Sentiment การลงทุนระยะสั้น ในตลาดหุ้นไทยยังเป็นลบ แต่ประเมินว่า i) Valuation เริ่มไม่แพง ii) Downside ราคาน้ำมันน้อย โดยหากราคาน้ำมันต่ำกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล คาดผู้ผลิตน้ำมันจะเริ่มลดกำลังการผลิต เพราะเริ่มต่ำจุดคุ้มทุนประเมินแนวรับ SET index ±1250 จุด หากเริ่มยืนได้ แนะนำเก็งกำไร ลุ้นรีบาวด์ ... สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้เท่านั้น

        i) หุ้นรับเศรษฐกิจขาลง สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นขาลง และแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ เราประเมินหุ้นกลุ่มบริหารหนี้เสีย อาทิ BAM และ JMT* จะได้ประโยชน์จากการขยายพอร์ต รวมทั้งดอกเบี้ยที่เป็นขาลงทำให้ต้นทุนการเงินลดลง BAM (เป้าพื้นฐาน 33 บาท / แนวรับ 24 บาท, แนวต้าน 25 - 26 บาท / Stop loss 22 บาท), JMT* (เป้า Consensus 23 บาท / แนวรับ 19.4 - 18.9 บาท, แนวต้าน 20.0 - 20.5 บาท / Stop loss 18 บาท)

       ii) หุ้นสินค้าเพื่อสุขภาพ เราประเมินหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ (วิตามิน อาหารเสริม เสริมภูมิคุ้มกัน) มีโอกาสได้ Sentiment บวกจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ MEGA* (เป้าพื้นฐาน 39 บาท / แนวรับ 24 บาท, แนวต้าน 24.5 - 25.0 บาท / Stop loss 23.5 บาท), IP (ยังไม่มีเป้า Consensus / แนวรับ 4.4 บาท, แนวต้าน 4.8 - 5.0 บาท)

- หุ้น Defensive เป็นที่พักเงิน (ไฟฟ้า + ประปา) สำหรับนักลงทุนที่รับเสี่ยงได้น้อยอาจเลือกหุ้น Defensive อย่าง BCPG* และ TTW* เป็นที่พักเงินรับปันผล BCPG* (เป้าพื้นฐาน 22 บาท / ปันผล 5% / แนวรับ 14.5 บาท, ต้าน 15.0 - 15.5 บาท

หุ้นเชิงปริมาณ & พื้นฐาน "Quantamental"

- หุ้น Value พื้นฐานดี สะสมสำหรับการลงทุน ในสถานการณ์ที่ตลาดผันผวน แนะนำ ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี เน้นที่ Valuation ไม่แพง, กำไรสม่ำเสมอ, ไม่มีปัญาเรื่องหนี้สิน, ผลตอบแทนคุ้มค่าความเสี่ยงการลงทุน โดยเรากรองหุ้นด้วย 3 วิธีคือ i) วิธีของ Graham 10 ข้อ (เน้นหุ้นไม่แพง กำไรสม่ำเสมอ ความเสี่ยงต่ำ), ii) วิธีของ Piotroski หรือ F-Score (เน้นหุ้นงบการเงินมั่นคง), iii) Abnormal earnings growth (หุ้นที่ยังมีการเติบโตของกำไรใน 1 - 2 ปีข้างหน้าและให้ปันผล ราคาหุ้นคุ้มเสี่ยง) ได้หุ้นเด่นในเชิง Value สำหรับการสะสมลงทุน คือ PLANB*, AOT*, INTUCH*, และ HMPRO* ... แนะนำ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์วันนี้เพิ่มเติม

- กลยุทธ์ Pair trade: Long LH* / Short SPALI* ผลตอบแทนรวม -3.1% ... เริ่มแนะนำ 27 ก.พ. แนะนำ Stop loss หากขาดทุนเกิน -5%

หุ้นมีข่าว

(+) สศค.เผยมาตรการกระตุ้นศก.ชุดแรกทำให้เงินเข้าระบบ 4 แสนลบ. ช่วย GDP ปี 63 โตเท่าไรอยู่ระหว่างประเมิน นายลวรรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก เพื่อดูแลผลกระทบจากปัญหา COVID -19 ที่ครม.อนุมัติทั้งหมดในวันนี้จะช่วยให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสิ้นประมาณ 4 แสนล้านบาท (Bisnews) มูลค่า 4 แสนล้านบาทคิดเป็น 2.4% ของ GDP เป็นปัจจัยบวกต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแม้สถานการณ์การระบาดของไวรัสยังไม่ลดลง เบื้องต้นจะมีผลให้ GDP ปี 2563 ที่เราคาดว่าจะหดตัว 0.1% กลับมาเป็นบวกได้ 0.4% มาตรการยังไม่เพียงพอและคาดว่าจะมีมาตรการระยะที่ 2 และ 3 เพิ่มเข้ามาอีก คาดว่า กนง ควรจะลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมวันที่ 25 มีนาคม นี้ และ การปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ

(-GPSC*,-BGRIM*) ครม.เคาะคืนเงินประกันมิเตอร์-ตรึงเอฟที-หั่นค่าไฟฟ้า (กรุงเทพธุรกิจ) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธ์ุใหม่ หรือ โรคโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง และกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยส่วนหนึ่งข้อมาตราการดังกล่าวคือ ลดค่าไฟฟ้าของ กฟน. กฟภ. ในอัตราร้อยละ 3 ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน 2563 ความเห็น : เรามีมุมมองเชิงลบต่อข่าวดังกล่าว โดย GPSC และ BGRIM จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบเชิง
ลบมากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีนัยสำคัญ โดยราคาขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) จะอิงกับราคาขายไฟฟ้าของ กฟภ. เราประเมิน earnings downside ของ GPSC อยู่ที่ 3% และ 2% สำหรับ BGRIM ในปี 2563 จากผลกระทบการลดค่าไฟฟ้า

(+) SCB* นำปล่อยกู้กลุ่มซีพี คว้าเค้กใหญ่สุด 1 แสนล. KBANK*-BBL*-KTB*-BAY รับอานิสงส์ดีลซื้อเทสโก้ (ข่าวหุ้น) จับตา “แบงก์ไทยพาณิชย์” หรือ SCB* เป็นแกนนำธนาคารร่วมปล่อยกู้ “กลุ่มซีพี” ซือ้ เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย และมาเลย์ มูลค่ารวม 3.38 แสนล้านบาท คาด SCB* กินส่วนแบ่ง
สินเชื่อมากสุด 1 แสนล้านบาท พร้อมผลักดันผลประกอบการปีนี้ออกมาสวย ส่วน KBANK*, BBL*,KTB* และ BAY รับอานิสงส์ปล่อยกู้ร่วม

(+) เร่งประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนเดือนนี้ 'UAC-NER-ACE-TPCH' ดี้ด๊าชิงเค้ก 700 MW (ข่าวหุ้น) “UAC-NER-ACE-TPCH” เตรียมรับข่าวดี “สนธิรัตน์” เร่งเปิดยื่นข้อเสนอเข้าร่วมขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้าชุมชนภายในเดือนมี.ค.นี้เป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดเม็ดเงินลงทุนหลายแสนล้านบาท
พร้อมเร่งแก้ปัญหานำเอทานอลมาผลิตเป็นแอลกอฮอล์

(+) BGC* รับอานิสงส์โควิด-19 ออเดอร์ผลิตขวดแก้วพุ่ง (กรุงเทพธุรกิจ) บีจีซี รับอานิสงส์โควิด-19 ลูกค้าเคยสั่งซื้อจีน เบนสั่งขวดแก้วไทยดันยอดส่งออกสหรัฐ อินเดียเพิ่มปิดยอดขายไตรมาสแรกโตตามเป้า คาดทั้งปีโต 5-10% รายได้ 1.3 หมื่นล้าน เตรียมงบลงทุน 3,500 พันล้านบาทซื้อธุรกิจแพ็คเกจจิ้งเสริมพอร์ตขายพ่วงขวดแก้วเพิ่มกำไร พร้อมปิดดีลเจรจาธุรกิจพลังงานในต่างประเทศ 2-3 ดีล และปรับปรุงโรงงาน

(+) ITEL โปรเจ็กต์ยักษ์จ่อเสียบ ใส่เกียร์ชิงงานใหม่ 1.4 พันล. (ทันหุ้น) ITEL ลุยชิงงานเติมพอร์ต 1.4 พันล้านบาท จากปัจจุบัน 4.12 พันล้านบาท คาดไตรมาสแรกคว้างานได้ 200-300 ล้านบาท พร้อมเกาะติดงานเทเลเฮลธ์-สมาร์ท ซีเคียวริตี้ มั่นใจปีนี้ชัดเจน คาดงานจากภาครัฐออกมาราว 2.5 พันล้าน
บาท หวังคว้าได้ 20% ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 2563 แตะ 2.4 พันล้านบาท