'หน้ากากฯ-คนการเมือง' ขว้างงูไม่พ้นคอ

'หน้ากากฯ-คนการเมือง' ขว้างงูไม่พ้นคอ

แม้ “เสี่ยบอย” ศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ได้ออกมาปฏิเสธข่าวตัวเองที่ว่ามีสต็อกหน้ากากอนามัยมากถึง 200 ล้านชิ้น โดยอ้างว่าโพสต์โชว์เล่นๆ ไม่ได้มีสินค้าจริง

ขณะที่ ทีมงานผู้กองมนัส” อย่าง นายพิตตินันท์ รักเอียด ก็ออกมาปัดความเกี่ยวข้องโยงใยกับ “เสี่ยบอย” แถมยังแจ้งความจับไว้ที่ สภ.ท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานีด้วยก็ตาม

แต่จากการแกะรอยของ “กรุงเทพธุรกิจ” พบว่าเครือข่ายที่ถูกกล่าวหากักตุนหน้ากากอนามัย น่าจะหนีไม่พ้นคนในแวดวงการเมือง เคยลงสมัคร ส.ส. และน่าจะมีเส้นสายกับนักการเมืองใหญ่ด้วย

โดยจากการบุกค้นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นย่านหนองแขมเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ซึ่งเป็น 1 ใน 6 จุดต้องสงสัยว่าอาจเป็นอาคารที่ใช้กักตุนหน้ากาก และอาจโยงใยกับ “เสี่ยบอย” เจ้าหน้าที่พบว่า อาคารพาณิชย์หลังนี้ปลูกติดกัน 10 คูหา หน้าตึกมีป้าย THAI HEALTH รวมทั้งป้ายที่ทำการพรรคภราดรภาพ รวมถึงป้ายสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน ติดอยู่เรียงๆ กัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ป้ายอาคารที่เขียนว่า THAI HEALTH เป็นชื่อเดียวกับชื่อเพจเฟซบุ๊กที่เคยประกาศขายหน้ากากอนามัยผ่านทางหน้าเพจ โดยสามารถออร์เดอร์สินค้าได้ไม่อั้น ทั้งๆ ที่เป็นช่วงที่มีข่าวหน้ากากอนามัยขาดแคลน

ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว มีประชาชนที่ต้องการหน้ากากอนามัยได้ทดลองติดต่อขอซื้อสินค้ากับทางแอดมินเพจ Thai health โดยพูดคุยกันทางอินบ็อกซ์ ปรากฏว่าแอดมินเพจโค้ดราคาขายหน้ากากอนามัย กล่องละ 850 บาท แต่ละกล่องมีหน้ากากอนามัย 50 ชิ้น ราคาเฉลี่ยสูงถึงชิ้นละ 17 บาท ซ้ำยังคิดค่าส่งกล่องละ 60 บาทด้วย

เมื่อผู้ซื้อขอต่อรองราคา โดยให้เหตุผลว่าราคาควบคุมของทางรัฐบาลอยู่ที่ 2.50 บาทเท่านั้น แต่ทางเพจจำหน่ายถึงชิ้นละ 17 บาท และยังคิดค่าส่งในราคาสูงอีก จึงพยายามขอลดราคาค่าส่งสินค้า ทางแอดมินเพจอ้างว่า ค่าจัดส่งกล่องแรก 60 บาท กล่องต่อไปกล่องละ 10 บาท และหากต้องการซื้อในราคาต่ำกว่านี้ ต้องซื้อ 500 กล่องขึ้นไป

เมื่อคนที่ติดต่อแสดงท่าทีสนใจสั่งซื้อ ทางแอดมินเพจก็แจ้งให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร เป็นบัญชีชื่อบุคคล เมื่อทีมข่าวนำชื่อบัญชีไปตรวจสอบ พบว่าเจ้าของบัญชี เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 20 กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคภราดรภาพ แต่ผู้สมัครคนนี้ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

เป็นที่น่าสังเกตว่า อาคารพาณิชย์ 4 ชั้นที่ติดป้าย THAI HEALTH ชื่อเดียวกับชื่อเพจขายหน้ากากอนามัย ยังมีอาคารคูหาติดๆ กันติดป้ายที่ทำการพรรคภราดรภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นพรรคต้นสังกัดของผู้สมัคร ส.ส.กทม.สอบตกที่เป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงินสั่งซื้อหน้ากากฯ

สำหรับเพจ Thai health ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Thai Mask โดยเมื่อย้อนดูไทม์ไลน์การโพสต์ พบว่าเป็นเพจเดียวกัน

ส่วนป้ายสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน ที่ติดอยู่หน้าอาคาร ก็ไปตรงกับป้ายที่ติดในอาคารตามที่ “เสี่ยบอย” โพสต์คลิปวีดีโอขณะกำลังขนกล่องใส่หน้ากากอนามัยจำนวนมากไปขึ้นรถบรรทุกเล็ก คาดว่านำไปส่งให้ผู้ที่สั่งซื้อด้วย โดย “เสี่ยบอย” ได้พูดในคลิปวีดีโอในลักษณะเชิญชวนให้สั่งหน้ากากอนามัยกับตน เพราะมีสินค้าไม่อั้น

จากภาพป้ายสถานที่ที่พ้องกันทั้ง 2 เหตุการณ์ ทำให้น่าเชื่อว่ากลุ่มที่สามารถหาออร์เดอร์หน้ากากอนามัยได้จำนวนมาก น่าจะมีความเกี่ยวโยงกับคนในแวดวงการเมืองด้วยหรือไม่ แม้จะเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่ก็อาจจะมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับนักการเมืองใหญ่ได้เช่นกัน

ปริศนาข้อนี้ถูกเฉลยโดย นายพันธ์ยศ อัครอมพงศ์ เจ้าของอาคาร THAI HEALTH สมาคมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน และเป็นที่ทำการพรรคภราดรภาพด้วย โดยหลังจากตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในนำกำลังเข้าไปตรวจค้นอาคารหลังนี้เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ตอนแรกไม่มีคนอยู่ แต่ภายหลังมีพนักงานออกมาเปิดประตู และเชิญเฉพาะตำรวจเข้าไปภายใน

จากนั้นก็มีคลิปสัมภาษณ์ นายพันธ์ยศ เผยแพร่ออกมา โดยนายพันธ์ยศเป็นแกนนำพรรคภราดรภาพ เจ้าตัวอ้างว่าอาคารหลังนี้เป็นของตนเอง เคยเปิดเป็น บริษัท THAI HEALTH จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารเสริมความงามเพื่อสุขภาพ แต่ขณะนี้ได้ปิดกิจการไปแล้ว

ส่วนประเด็นที่ปรากฏเป็นคลิปบนโลกโซเซียลนั้น ยอมรับว่ารู้จักกับ นายศรสุวีร์ หรือ เสี่ยบอยจริง รู้จักกันมาได้ประมาณ 1 เดือน เพราะมีผู้ใหญ่มาขอให้ช่วยประสานงานหาหน้ากากอนามัยให้นายบอย จำนวน 1 ล้านชิ้น ซึ่งตนก็เป็นตัวกลางประสานเพื่อจัดหาหน้ากากอนามัยอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เพื่อจำหน่าย เป็นการหาเพื่อส่งไปช่วยเหลือประชาชนในประเทศจีน ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนัก การจัดหาของตนจึงเป็นลักษณะบริจาค ไม่ได้เป็นพ่อค้าคนกลางหรือกักตุนสินค้า

ส่วนภาพที่ “เสี่ยบอย” ไลฟ์สดนั้น เป็นการไลฟ์ในอาคารนี้จริง แต่ไม่ทราบว่าวันไหน และอาจจะเป็นการไลฟ์เล่นๆ เช่นเดียวกับการโพสต์ข้อความที่เกี่ยวกับการจัดหาหน้ากากอนามัย บางทีก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริง เพราะอาคารแห่งนี้มีคนมาติดต่อเยอะมาก อาจมีมิจฉาชีพแฝงมาด้วย

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้นายพันธ์ยศจะอธิบายว่าตนเป็นตัวกลางรวบรวมหน้ากากอนามัยเพื่อส่งให้จีน ในลักษณะบริจาคช่วยเหลือ แต่จากการที่มีคนเคยทดลองสั่งซื้อหน้ากากอนามัยผ่านเพจ Thai Health ปรากฏว่าก็สามารถสั่งซื้อได้ แถมยังเชิญชวนให้ซื้อล็อตใหญ่เพื่อลดราคาทั้งค่าสินค้าและค่าขนส่งลงด้วย หนำซ้ำหมายเลขบัญชีที่รับโอนเงิน ก็เป็นของอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภราดรภาพ จึงน่าสงสัยว่าตกลงแล้วเครือข่ายนี้หาออร์เดอร์หน้ากากเพื่อบริจาคให้คนจีนจริงๆ หรือมีการซื้อขายด้วยกันแน่

ที่สำคัญการส่งออกหน้ากากอนามัยไปประเทศจีน ดำเนินการด้วยวิธีใด เพราะกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศให้หน้ากากอนามัย เป็นสินค้าที่ต้องควบคุมการส่งออก ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาแล้ว

สำหรับเครือข่ายที่กระทำการเรื่องนี้ มีรายงานว่า มีอดีตคนดังในแวดวงสีกากีเกี่ยวข้องอยู่ด้วย