'ซีพี' ดันกลุ่มรวบเทสโก้ฯ แบ่งต้นทุน-กำไรลดเสี่ยงเพิ่มทุน

ดีลที่เฝ้ารอกันข้ามปีสำหรับการประมูลค้าปลีกรายใหญ่ ‘เทสโก้โลตัส ‘ หลังเปิดราคาตั้งประมูลไว้สูงถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 3 แสนล้านบาท สามารถรวบกิจการในไทยและมาเลเซียไปทั้งหมด ท่ามกลางกลุ่มทุนใหญ่ระดับเจ้าสัวที่แข่งกันประมูล
ผลที่ออกมาเจ้าสัวซีพี ‘ธนินท์ เจียรวนนท์ ‘ ยอมทุ่ม 3.3 แสนล้านบาท พาธุรกิจค้าปลีกที่ก่อตั้งมากับมือกลับมาสู้ครอบครัว ‘เจริญโภคภัณฑ์’ ได้อีกครั้ง และยังเป็นการให้ของขวัญพิเศษในช่วงครบอายุ 81 ปี เดือนเม.ย.นี้อีกด้วย
ความชื่นมื่นที่เกิดขึ้นย่อมต้องแลกมากับภาระหนี้ก้อนใหญ่ เพราะมูลค่าการซื้อกิจการในครั้งนี้สูงทุบสถิติค้าปลีกในไทยและมูลค่าเรียกได้ว่าแพงกว่าเมื่อเทียบกับการเข้าซื้อกิจการ ‘แม็คโคร’ ในปี 2558 ของ บริษัทซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL
ประเด็นการซื้อกิจการในครั้งนั้นเน้นไปที่เงินกู้มากว่ากระแสเงินสดที่บริษัทมีอยู่ทำให้ต้องเจอกับอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ถึง 9-8 เท่า หลังกู้เงินมหาศาลซื้อ แม็คโคร ซึ่งต้องใข้เวลาเป็นปีในการปรับอัตราส่วนหนี้หลังรวมงบการเงินเข้ามา
รอบนี้กลุ่มซีพีจึงปรับสูตรสมการการซื้อที่เรียกได้ว่าเหนือเมฆขึ้นไปอีก เพราะไม่ใช้เพียง CPALL เพียงบริษัทเดียวในการลงทุนแต่กระจายในกลุ่ม โดยให้ CPALL ลงทุนสัดส่วน 40 % หรือเป็นเงิน 95,000 ล้านบาท เท่ากับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด ลงทุน 40 % และบริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด เป็นบริษัทย่อย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF และยังถือหุ้นใน CPALL อีก 30 % เข้าไปลงทุนสัดส่วน 20 % ด้วยเงินลงทุน 47,991 ล้านบาท รวม 2.3 แสนล้านบาท และเงินที่เหลืออีกประมาณ แสนล้านบาทจะใช้วิธีการกู้เงิน
เม็ดเงินกู้ดังกล่าวเป็นจำนวนที่สูงแต่มีการปรับด้วยสูตรโครงสร้างถือหุ้น เพราะมีการจัดตั้งบริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อเข้าไปลงทุนใน บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อให้บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ถือเทสโก้ ฯ และเป็นผู้กู้เงินแทน เพื่อไม่ต้องใช้การเพิ่มทุนตามที่ประกาศไว้แล้ว
ตามข้อมูล ณ สิ้นปี 2562 CPF มีกระแสเงินสดจากธุรกิจ 40,608 ล้านบาท เงินสดในมือ 32,094 ล้านบาท มีหนี้สินชำระภายใน 1ปี 42,727 ล้านบาท มี D/E 2.47 เท่า ขณะที่ด้าน CPALL มีกระแสเงินสดจากธุรกิจ 40,476 ล้านบาท เงินสดในมือ 29,680 ล้านบาท มีหนี้สินชำระภายใน 1ปี 12,620 ล้านบาท มี D/E 2.85 เท่า
ดังนั้นตามสัดส่วนการกู้ยืมทำให้ CPALL มีภาระการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นตามโครงสร้างการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อม อย่างไรก็ตามเมื่อกลับไปพิจารณาสถานทางการเงินของ เทสโก้ฯ ในไทย สิ้นปี 2562 มีกำไรมากถึง 7,819 ล้านบาท ส่วนที่มาเลเซียขาดทุนอยู่ที่ 339 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมงบการเงินเข้ามาย่อมทำให้รับรู้กำไรตามไปด้วย รวมไปถึงกระแสเงินและสินทรัพย์อื่น
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี กรุ๊ป ประเมินในส่วน CPF จะได้รับส่วนแบ่งกำไรเข้ามา 1,100 ล้านบาท แต่จะมีดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับเงินทุนที่จะต้องใส่เข้าไปที่ 1,500 ล้านดอลลาร์ หากกู้ 67% จะต้องกู้เพิ่มประมาณ 32,160 ล้านบาท มีดอกเบี้ยจ่ายที่ระดับ 1,250 ล้านบาท
หากกู้ทั้ง 100% จะมีดอกเบี้ยจ่ายที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท ทั้งสองรูปแบบ D/E เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 1.5-1.6 เท่า ยังไม่ถึงระดับที่มีความเสี่ยงต้องเพิ่มทุน แต่ทำให้ช่วงแรกำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงไปประมาณ 1-4%
ขณะที่ CPALL จะได้รับส่วนแบ่งกำไร 2,200 ล้านบาท แต่จะมีดอกเบี้ยเงินกู้ 3,000 ล้านดอลลาร์ หากกู้ 67 % ต้องกู้เพิ่มประมาณ 64,000 ล้านบาท มีดอกเบี้ย 3,000 ล้านบาท แต่หากกู้ทั้ง 100% จะมีภาระดอกเบี้ยที่ระดับ 4,500 ล้านบาท ทัง2 กรณี D/E จะอยู่ที่ประมาณ 1.7 - 1.98 เท่า ซึ่งยังไม่เกินข้อกำหนดหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ที่ 2.0 เท่า จึงไม่น่าที่จะเกิดการเพิ่มทุนได้
ส่วนกำไร CPALL จะถูกกดดันประมาณ 3-10%ขณะที่ผลดีอื่นๆ คือการมีเข้าไปมีส่วนในธุรกิจค้าปลีกที่ครบวงจรมากขึ้นทั้งในส่วนของค้าส่ง (MAKRO) Hypermarket (TESCO) และค้าปลีกขนาด เล็ก (7-11) และยังมีรายได้จากบริหารพื้นที่เช่าเพิ่ม
‘เราชนะ’ ลุ้นวันนี้! เงื่อนไขสำคัญ ลงทะเบียน www.เราชนะ.com รับเงินเยียวยาโควิดรอบใหม่
'คนละครึ่ง' ลงทะเบียน 20 ม.ค.นี้ ใครไม่มีสิทธิ์รับเงิน 3,500 บาทบ้าง?
‘เราชนะ’ วันนี้ลุ้น! ครม. อนุมัติหลักเกณฑ์จ่าย 'เงินเยียวยา' 31 ล้านคน
ด่วน! ครม.อนุมัติ 'เราชนะ' จ่ายเยียวยา 3,500 บาท ลงทะเบียน 29 ม.ค.นี้
'คนละครึ่งเฟส 2' รอบเก็บตก เคยถูกตัดสิทธิ 14 วัน ลงได้อีกหรือไม่?
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 171 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 158 ราย