นายกฯ วอนปชช.มั่นใจการทำงานรัฐบาล ลั่นไม่อยากให้พรรคร่วมแตก

นายกฯ วอนปชช.มั่นใจการทำงานรัฐบาล ลั่นไม่อยากให้พรรคร่วมแตก

"นายกฯ" วอนประชาชนมั่นใจการทำงานรัฐบาล ชี้ติดเชื้อ-ตาย COVID-19 น้อยกว่าหลายประเทศ ชี้กำลังผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศยังไงก็ไม่พอ สั่งผลิตหน้ากากแบบผ้าเพิ่ม 50 ล้านชิ้น เร่งแจกจ่ายบุคคลกรทางการแพทย์ ลั่นไม่อยากให้พรรคร่วมแตก ยันทำงานมีเอกภาพ

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีการขาดแคลนหน้ากากอนามัยว่า ได้มีการสั่งทำเพิ่มทั้งหน้ากาอนามัยแบบผ้าจำนวน 50 ล้านชิ้น พร้อมสั่งกระทรวงอุตสาหกรรมหาช่องทางในการผลิตอีก 20 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายประชาชนเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยลรรเทาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย โดยระบุว่า เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบทุกโรงงานแล้ว ยังไม่พบว่ามีการกักตุน แต่ต้องตรวจสอบว่า เหตุใดตามร้านค้าถึงมีปริมาณไม่เพียงพอ พร้อมทั้งขอประชาชนทำความเข้าใจขีดความสามารถในการผลิตในประเทศ ว่าสามารถผลิตได้จำนวนเท่าไหร่ต่อวันต่อเดือน ในส่วนของการนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์นั้น เบื้องต้นได้เข้าไปตรงจสอบจำนวนความต้องการแล้ว อย่างโรงพยาบาลรามาธิบดี มีการแจกจ่ายไปแล้วบางส่วนซึ่งเป็นที่น่าพอใจ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ จะบอกว่าไม่สำเร็จเลยคงไม่ใช่ ส่วนตัวนั้นไม่มีอะไรแต่ เป็นห่วงเจ้าหน้าที่ คนทำงาน ทุกหน่วยงานที่ ทำงานเหนื่อย ซึ่งทุกอย่างปรับไปตามสถานการณ์ บอกประเทศมีจำนวนคนติดเชื้อ และตายไม่มากเท่ากับต่างประเทศ เพราะบางประเทศใช้เวลาคิดเชื้อหลายร้อยคนในเวลาอันรวดเร็ว

พร้อมระบุว่า ถ้าอยู่ในบ้าน ไม่มีใครเป็นอะไรก็ไม่ต้องใช้หน้ากากอนามัย ให้หันมาใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าแทน เพื่อจะได้ลดปริมาณความต้องการใช้ลง เพราะในประเทศมีกำลังผลิต 38 ล้านชิ้นต่อเดือน ยังไงก็ไม่พอ ตราบใดที่ไม่มีการนำเข้า

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ขอให้เสพโซเชียลด้วยข้อเท็จจริง ขณะนี้ตนเองได้สั่งลงโทษสถานหนักทุกเรื่อง ทั้งการกักตุนหน้ากาก หลีกเลี่ยงการกักตัว ดังนั้นในเวลาที่ประเทศอ่อนไหวต้อง จึงขออย่าไปเปิดประเด็นให้เกิดความแตกแยก เพราะไม่อยากให้ยึดโยงกับการเมือง แต่อย่างไรก็ตามตนเองไม่อยากให้พรรคร่วมแตก เมื่อถึงเวลาตนเองก็ต้องจัดการอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ต้องมุ่งเน้นแก้ปัญหาของคนทั้งประเทศก่อน

ส่วนการบริหารจัดการงานภายในของรัฐบาลจะมีเอกภาพมากขึ้นหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาค่อนข้างไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันในแต่ละกระทรวง แต่ละพรรคการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่า ที่ผ่านมามีปัญหา เพราะมีคนจำนวนมาก แต่ย้ำว่า การทำงานเป็นเอกภาพ แต่การปฏิบัติบริหารจัดการอาจจะติดขัดอยู่บ้าง

ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ผู้จะทางเข้ามาจะมีการประเมินสุขภาพและร่างกายก่อนเดินทางเข้าประเทศ ในไทยเองก็มีการตรวจและกักกันมี รวมไปถึงเจ้าพนักงงานกักกันพื้นที่เหมาะสม และต้องมีการรายงานสถานการณ์ ขณะนี้เองไทยได้ยาต้านไวรัสจากจีน และจะมีการร่วมกันพัฒนาวัคซีนต่อไป

ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย ได้เริ่มกระจายตั้งแต่ช่วงวะนหยุดที่ผ่านมาทุก โดยกำหนดว่าทุกโรงพยาบาลจะต้องมีสต๊อกใช้หน้ากากอนามัยอย่างน้อย 1 เดือน

อธิบดีกรมควบคุม ย้ำว่า การดำเนินการประเทศที่มีความเสี่ยงสูงต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น ทุกมาตรการดำเนินการเรื่องมาตรการควบคุมโรคสูงสุด และการควบคุมเป็นไปตามมาตรฐานการแพทย์และสาธารณสุขสากล ที่มุ่งเน้นว่าจะพยายามลดการแพร่กระจายเชื่อในประเทศ โดยเปลี่ยนจากการขอความร่วมมือเป็นการบังคับควบคุม ส่วนการรักษาพยาบาล หากตรวจพบจะรีบมาไว้รักษาที่โรงพยาบาลทันที โดยจะใช้ยาต้านไวรัสที่ได้รับจากจีนในเฉพาะผู้ป่วยหนักที่มีอาการรุนแรง ซึ่งมีเพียงร้อยละ 20

นอกจากนั้น ยังมีการเตรียมความพร้อมหากมีการแพร่ระบาดในระยะต่อไป มอบหมายให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม เตรียมเปิดคลินิกโรคทางเดินหายใจ และเตรียมโรงพยาบาลรับคนไข้ยืนยันตรวจพบไวรัสโควิด-19 ที่สามารถแลกเปลี่ยนทรัพยากร และเครื่องมือ