SVI - ถือ

SVI - ถือ

ปีที่ท้าทาย

Event

อัพเดตแนวโน้มของบริษัท

lmpact

คาดว่ายอดขายจะอ่อนแอต่อเนื่องในปี 2563

ผลประกอบการของ SVI ในปี 2562 ต่ำกว่าประมาณการของเรา และ Bloomberg consensus 20% เนื่องจาก i) ยอดขายอ่อนแอ (484 ล้านดอลลาร์) จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอ (6.4%) จากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะตั้งเป้ายอดขายปีนี้เอาไว้ที่ 550 – 600 ล้านดอลลาร์ (คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 14% - 24% YoY) จากการหาลูกค้าใหม่ แต่เราเชื่อว่าเป้าดังกล่าวค่อนข้างท้าทาย เพราะการะบาดของ COVID-19 ไม่เพียงแต่จะกระทบกับ supply chain เท่านั้น แต่อาจจะทำให้การผลิตแบบ mass production ของลูกค้าใหม่ต้องเลื่อนออกไปด้วย เราคาดว่าคำสั่งซื้อจะอ่อนแอในช่วง 1H63 ก่อนที่จะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2H63 เป็นต้นไป ดังนั้น เราจึงปรับลดสมมติฐานยอดขายในสกุลดอลลาร์ปีนี้ลง ~13% เหลือ 488 ล้านดอลลาร์ และปี 2564 เหลือ 536 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 0.8% และ 10.0% ตามลำดับ

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64 ลง 23% และ 16% ตามลำดับ

เงินบาทที่อ่อนค่าลงจะช่วยหนุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในปีนี้หลังจากที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย YTD อยู่ที่ ~Bt30.8/US$ เราได้ปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2563-64 ของเราเป็น 31.9 บาท/US$ จากเดิมที่ 30.30 บาท/US$ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากอัตราแลกเปลี่ยนก็อาจจะถูกหักล้างไปโดยการประหยัดต่อขนาดที่ลดลงตามยอดขายที่ลดลง ดังนั้น เราปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ลง 0.2ppts เหลือ6.9% และปี 2564 ลง 0.1ppt เหลือ 7.1% และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-64 ลง 23% และ 16%ตามลำดับ เราคาดว่าผลประกอบการของ SVI จะทรงตัวในปี 2563 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น 22% ในปี 2564

Valuation & Action

เรายังคงมองว่าอุตสาหกรรมอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นในขณะที่ supply chain ที่ถูกกระทบจากการระบาดของ Covid-19 จะกดดันแนวโน้มระยะสั้น เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่ที่อิงจาก EPS เฉลี่ยปี 2563-64 โดยยังคงใช้ PER เท่าเดิมที่ 16.5X (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +0.5 S.D.) ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.20 บาท จากเดิมที่ 3.60 บาท โดยราคาเป้าหมายที่ลดลงมาจากการปรับลดประมาณการยอดขายเพื่อสะท้อนปัญหาของ supply chain ที่ถูกกระทบจาก COVID-19 และการปรับลดประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากการประหยัดต่อขนาดลดลง ถึงแม้ว่าราคาปิดล่าสุดจะยังเหลือ upside อีก 41.6% แต่ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหุ้นก็อาจจะทำให้ต้องมี discount เราชอบ HANA มากกว่าเพราะคาดว่าจะได้อานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี 5G ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ SVI

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier เจ้าอื่น ขาดแคลนวัตถุดิบเงินบาทแข็งค่าขึ้น และความล่าช้าของกระบวนการทดสอบสินค้า