ททท.ชี้โควิดส่อฉุดทัวริสต์วูบ 10 ล้านคน

ททท.ชี้โควิดส่อฉุดทัวริสต์วูบ 10 ล้านคน

“ททท.” ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ชี้กรณีร้ายแรงสุดโควิด-19 อาจฉุดยอดทัวริสต์ต่างชาติเยือนไทยหายเกือบ 10 ล้านคน เหลือ30ล้านคนในปีนี้ สูญรายได้ราว5แสนล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ล่าสุด ททท.คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี2563เหลือ34.2ล้านคน ลดลงจากจำนวน39.8ล้านคนของปีที่แล้ว หรือหายไป5.6ล้านคนซึ่งได้กลายเป็นกรณีดีที่สุดแล้วในเวลานี้ ส่วนกรณีร้ายแรงที่สุดประเมินว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อาจเหลือเพียง30ล้านคน หรือหายไปเกือบ10ล้านคนจากปีที่แล้ว มีรายได้ท่องเที่ยวจากตลาดชาวต่างชาติเหลือ1.5ล้านล้านบาท หรือหายไปราว5แสนล้านบาทเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

“ตอนนี้ ททท.ยังให้น้ำหนักว่าสถานการณ์ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยจะเข้าข่ายกรณีดีที่สุดมากกว่าที่70%ส่วนกรณีร้ายแรงที่สุดเราให้น้ำหนักน้อยกว่าที่30%”

โดยคาดการณ์ว่าจะมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคฯให้สิ้นสุดได้ในเดือน มี.ค.นี้ ก่อนที่จำนวนชาวต่างชาติเที่ยวไทยจะถึงจุดต่ำสุดในเดือน เม.ย.นี้ ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น กลับมาเป็นบวกอีกครั้งในเดือน ก.ค.นี้ แต่ถ้าหากถึงจุดต่ำสุดในเดือน พ.ค. คาดว่าจะใช้เวลาฟื้นตัวถึง3เดือนเพื่อกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในเดือน ก.ย.นี้

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่25ม.ค.-29ก.พ.นี้ นับตั้งแต่รัฐบาลจีนประกาศสั่งห้ามบริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวจีนออกต่างประเทศ พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยลดลง40%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเมื่อโฟกัสเฉพาะตลาดจีนเที่ยวไทยพบว่าหดตัวรุนแรงถึง81%

นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในสัปดาห์นี้ ททท.น่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการพิจารณาจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์ประจำปี2563ว่าจะยังสามารถจัดงานได้หรือไม่ โดยเตรียมหารือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง หลังมีข้อกังวลว่าการเล่นน้ำสงกรานต์อาจจะกระจายเชื้อโควิด-19ซึ่งสามารถติดเชื้อผ่านละอองใหญ่ เบื้องต้นอาจมีการปรับรูปแบบให้เน้นงานด้านประเพณีแทน

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า สิ่งสำคัญตอนนี้มีอยู่3เรื่องหลักคือ1.ทำให้โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ไม่ระบาดในไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในการเดินทาง เพราะถ้าระบาด สถานการณ์จะกลายเป็นหนังคนละม้วน2.ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้อยู่รอด โดยเฉพาะเรื่องสภาพคล่อง ทั้งเรื่องสินเชื่อให้มีการหยุดจ่ายเงินต้นและลดดอกเบี้ย โดยรัฐบาลได้หารือร่วมกับธนาคารซึ่งรู้จักลูกค้าดีอยู่แล้ว ในขณะที่ผู้ประกอบการต่างดูแลตัวเองด้วยการลดต้นทุนทุกด้านในช่วงนี้ เช่น ให้ผลัดกันลาหยุดแบบไม่รับค่าจ้าง15วัน และทำงานอีก15วันในแต่ละเดือน และ3.เร่งดำเนินแผนงานต่างๆ ที่ช่วยลดอุปสรรคของภาคท่องเที่ยวไทยในช่วง6เดือนนับจากนี้ เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปอย่างเสียเปล่า เช่น การอำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น