'ซูซูกิ เซียส'  อีโค คาร์ ทางเลือกของครอบครัว

ปลายปีที่แล้ว เป็นอีกช่วงเวลาที่สนุกของตลาดนี้ เพราะมีทั้งรถใหม่เปิดตัวอย่าง ฮอนด้า ซิตี้ นิสสัน อัลเมร่า รถรุ่นเดิมไมเนอร์เชนจ์ อย่างมาสด้า 2 มิตซูบิชิ แอททราจ กับ มิราจ หรือปรับจูนเครื่องยนต์ของโตโยต้า ยาริส และเอทีฟ ให้เข้ากับเกณฑ์ของข้อกำหนด อีโคคาร์ เฟส 2

เริ่มต้นปี 2563 ซูซูกิ ไมเนอร์เชนจ์ “เซียส” ให้สดใหม่ขึ้น สปอร์ตขึ้น ปรับเพิ่มอุปกรณ์บางอย่างเข้าไป 

ซูซูกิ มีรถอีโค คาร์ ทำตลาดมากรุ่นที่สุด คือ สวิฟท์ เซียส และเซเลริโอ ทั้งนี้ เซียส และเซเลริโอ เป็นรถที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของ อีโค คาร์ เฟสแรก ซึ่งมีภาระภาษีสรรพสามิต 14% สูงกว่าที่เหลือที่ปรับเข้าไปอยู่ในเฟส 2 ภาษี 12% กันหมดแล้ว 

เซียส ทำตลาดมา 4 ปี ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีบางปีที่สร้างยอดขายได้ 1.5 หมื่นคัน ส่วนปีนี้ซูซูกิตั้งเป้าหมายไว้ 6,200 คัน 

เซียส ไมเนอร์เชนจ์ มี 4 รุ่นย่อย และมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกด้วยในรุ่น จีแอล เกียร์ธรรมดา ราคา 5.23 แสนบาท ขยับขึ้นมาเป็น จีแอล เกียร์ซีวีที 5.59 แสนบาท จีแอลเอ็กซ์ ซีวีที 6.25 แสนบาท และอาร์เอส ซีวีที 6.75 แสนบาท 

เปิดตัวไม่กี่วัน ก็มีกิจกรรมทดสอบกันทันที โดยขึ้นเหนือกันไปที่เชียงใหม่ จะได้มีเส้นทางที่หลากหลายให้ได้ลองกัน 

คันที่ลองเป็นรุ่น อาร์เอส และนั่งกันเต็มที่ไปเลย คันละ 4  คน บวกกระเป๋าสัมภาระอีกใบสองใบ ก็ดีครับจะได้รู้ว่าในการใช้งานจริงกับเส้นทางแบบนี้ จะไหวไหม

แต่ว่ามาดูการเปลี่ยนแปลงของเซียสกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง หลักๆ เลย ก็คือ กันชนหน้า กระจังหน้าใหม่ กรอบโครเมียมในอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความหรูหรา ไฟหน้าเปลี่ยนเป็น โปรเจคเตอร์ แอลอีดี และปรับระดับสูงต่ำได้จากในห้องโดยสาร ไฟหรี่ เป็นแอลดีเช่นกัน ชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลัง กรอบไฟตัดหมอก โครเมียม 

ส่วนภายใน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ ส่วนระบบที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็คือ กล้องมองหลัง และเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด 

รูปทรงโดยรวมผมว่าก็ดูดีครับ การปรับรายละเอียดด้านหน้าทำให้ดูดีขึ้น ดูหรูขึ้นกว่าเดิม การเติมวัสดุโครเมียมเข้าไปหลายจุด ทั้งหน้าและหลังกำลังดี ไม่เยอะเกินไป 

จุดเด่นที่น่าจะเป็นจุดขายสำคัญของเซียส ก็คือ ห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งได้ค่อนข้างสบาย และไม่อึดอึด เบาะนั่งแถว 2 นั่งแล้วมีพื้นที่วางเท้าเหลืออีกเยอะ ระยะห่างระหว่างเข่ากับเบาะหน้ามีอยู่มาก เมื่อบวกกับการออกแบบโครงสร้างหลังคา หน้าต่าง ทำให้การนั่งเบาะหลัง รู้สึกโปร่ง โล่งสบาย

ตัวเบาะด้านหลัง นุ่ม สบาย พนักพิงกระชับลำตัว เบาะรองนั่งก็ใช้ได้ แต่สั้นไปเล็กน้อย ถ้าเพิ่มความยาวจะช่วยรองรับตรงใกล้ข้อพับน่าจะทำให้นั่งได้สบายขึ้น

การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ซึ่งเซียสมีระบบ เอ็นวีเอช ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก โดยรวมก็ทำได้ดี ทั้งเสียงลม เสียงเครื่องยนต์ แต่ถ้านั่งเบาะหลังที่ความเร็วสัก 100 กม./ชม.ขึ้นไป ได้ยินเสียงยางมากหน่อย แต่เสียงเครื่องยนต์กับเสียงลมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี 

ที่เบาะด้านหลังยังมีจุดเด่นอีกสิ่งที่เหนือกว่าอีโค คาร์ ด้วยกัน ก็คือ ซูซูกิ ให้ช่องแอร์ด้านหลังมาด้วย ทำให้คนนั่งหลังเย็นสบายขึ้น

อีกสิ่งที่ เซียส อาร์เอส มี แต่คู่แข่งหลายรุ่นไม่ดี ก็คือการปรับระดับเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้นั่งด้านหน้า ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแต่ละคนที่ใช้รถมีสรีระต่างกัน

ส่วนการออกแบบโดยรวมภายในห้องโดยสาร เน้นเส้นสายแนวนอน ช่วยให้รถดูมีความกว้างขึ้น การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ เรียบง่าย ไม่รกตา การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้ง่าย ควบคุมง่าย ข้อมูลต่างๆ เห็นชัดเจน ส่วนกล้องมองหลังที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็ให้ภาพที่ชัดเจน มองง่าย และมีเส้นสายนำทาง ช่วยให้กะระยะได้ง่ายขึ้น 

ส่วนระบบมาตรฐานอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว ก็เช่น ระบบซูซูกิ สมาร์ท คอนเน็คท์ เชื่อมต่อระบบความบันเทิง จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ บลูทูธ และระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ 

ด้านความสะดวกในการใช้งานอื่นๆ เซียส มีช่องวางเครื่องดื่ม 8 ตำแหน่ง พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตร 565 ลิตร กว้างขวางทีเดียว ส่วนการเข้าออกรถ และการสตาร์ทเครื่องยนต์ เป็นแบบไม่ต้องใช้กุญแจ 

ระบบความปลอดภัยที่มีให้เช่น ระบบเบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ถุงลมคู่หน้า เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัย 2 จุด 1 ตำแหน่งที่ด้านหลัง เป็นต้น

เครื่องยนต์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เป็นตัวเดิม เบนซิน 4 สูบ 1,242 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ ซีวีที ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนช่วงล่างด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม เบรกหน้า ดิสค์เบรก ด้านหลังดรัมเบรก ส่วนล้อและยางสำหรับ อาร์เอส ใช้ขนาด 19/55 R16

เส้นทางการลองขับ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปทางแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ก่อนย้อนกลับมาเส้นทางเดิม ถนนหนทางก็มีทั้งในเขตตัวเมือง เส้นทางไฮเวย์ และเส้นทางขึ้นลงเขา และอย่างที่บอกว่านั่งกัน 4 คน ซึ่งก็ทำให้ได้คำตอบว่า มันรองรับการใช้งานจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นทางราบหรือทางขึ้นเขา แม้จะไม่ได้อารมณ์จี๊ดจ๊าด แต่ก็ไม่ต้องเค้นกำลังเครื่องยนต์ให้เหนื่อย ไปได้เรื่อยๆ 

เช่นเดียวกับทางราบ เครื่องยนต์ไม่ได้ร้อนแรงอะไร โดยเฉพาะถ้าไปเทียบกับอีโค คาร์ อีกหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน แต่ก็สามารถทำความเร็วได้ เร่งแซงได้เรื่อยๆ ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะถ้าขับอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 

สรุปว่าเครื่องยนต์ไม่ถึงกับเด่น แต่รองรับการใช้งานได้เพียงพอ และประหยัดน้ำมันน่าพอใจ 

ช่วงล่างค่อนข้างนุ่ม ทำให้มีจังหวะเด้งบ้างเมื่อเจอกับทางที่เป็นคลื่นเป็นลอน การยึดเกาะถนนทำได้ดีพอใช้ ขับปกติ หรือเร็วกว่าปกติไปบ้างเล็กน้อย ในเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามภูเขา ยังจัดการได้ดี แต่พวงมาลัยขาดความแม่นยำไปเล็กน้อย ต้องอาศัยความคุ้นเคยกันสักพัก แต่ผมว่าถ้าใช้งานแบบปกติทั่วไป ขับเรื่อยๆ แบบที่ผู้คนบนท้องถนนส่วนใหญ่ขับกันก็ไม่มีปัญหาอะไร 

โดยรวม เซียส เป็นรถที่ตอบสนองการขับขี่ใช้ได้ ไม่ถึงขั้นร้องว้าว แต่ก็อยู่ในระดับน่าพอใจ และเมื่อรวมกับจุดเด่นอื่นๆ เช่น การใช้งานกับครอบครัว ไปไหนไปได้ นั่งสบายๆ ก็ต้องบอกว่าถ้ารักถ้าชอบยี่ห้อนี้ ก็เลือกได้เลย

*****