CHG - ซื้อ

CHG - ซื้อ

สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมีน้อย

Event

ประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศงบ 4Q62 และแนวโน้มระยะต่อไป

lmpact

แนวโน้มธุรกิจในปี 2563 อยู่ในเชิงกลาง ๆ

เราคาดว่ารายได้ของ CHG ในปีนี้จะโตต่อเนื่องจากที่โต 17.2% ในปี 2562 โดยปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ปีนี้จะมาจากค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เป็นต้นไปจากการปรับ i) basic capitation อีก 140 บาท/ราย เป็น 1,640 บาท (+9.3% จาก 1,500 ในปี 2562) ii) “High Cost Care” (HCC) เป็น 746 บาท/ราย/ปี (+16.6%) และ iii) ค่ารักษา 26 โรคเรื้อรังเป็น 453 บาท/ราย/ปี (+1.3%) ซึ่งเท่ากับว่ามีการปรับเพิ่มอัตราการรักษาพยาบาลสามรายการหลักนี้ 9.7% เป็น 2,839 บาท(จากเดิม 2,587 บาท) ทั้งนี้ รายได้ของ CHG ในปี 2562 มาจาก i) ผู้ป่วยนอก (32% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 14.5% YoY) ii) ผู้ป่วยใน (32% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 20.7% YoY) iii) ผู้ป่วยประกันสังคม (31% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 11.9% YoY) และ iv) ผู้ป่วยสำนักประกันสุขภาพแห่งชาติ (7% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 45.7% YoY) ซึ่งเมื่อแบ่งรายได้ตามสาขาโรงพยาบาลจะแบ่งได้ดังนั้น i) โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 (41.4% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 8.9% YoY) II) โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 (19.6% ของรายได้รวมและเพิ่มขึ้น 10.3% YoY) iii) โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 (15.9% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 12.3% YoY) และ iv) โรงพยาบาลอื่น ๆ (23.2% ของรายได้รวม และเพิ่มขึ้น 50.1% YoY) เราคาดว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2563 ของ CHG จะได้แรงหนุนจากบริการประกันสังคมเราคิดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ CHG ไม่น่าจะถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการที่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติลดลงอย่างมากใน 1H63 เพราะรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 3% ของรายได้รวมเท่านั้น ซึ่งตามการวิเคราะห์ของเรา หากจำนวนผู้ป่ วยต่างชาติลดลงไป 32% จะส่งผลกระทบกับรายได้และกำไรสุทธิของ CHG ในปี 2563F เพียงแค่ 1% และ 1.2% เท่านั้น

ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และ RPC กำลังดีขึ้น

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา (RPC) หลังจากที่เปิดดำเนินการมาได้ปีกว่า ๆ โดยเราคาดว่า โรงพยาบาลทั้งสองแห่งจะถึงจุดคุ้มทุนใน 1H63

ผลประกอบการ 4Q62 ถูกกระทบจากการจ่ายค่า HCC ของ SSO

ก่อนหน้านี้ CHG รายงานว่ากำไรสุทธิ ใน 4Q62 อยู่ที่ 134 ล้านบาท (+20.3% YoY, -50.0% QoQ) โดยกำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 705 ล้านบาท (+11.3% YoY) ทั้งนี้ รายได้ใน 4Q62 อยู่ที่ 1.33 พันล้านบาท (+16.6% YoY, -7.2% QoQ) ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY มาจากผู้ป่ วยทั่วไปที่เพิ่มขึ้น 24% YoY ในขณะที่รายได้จากประกันสังคมลดลง 4% YoY เนื่องจากบริษัทมีการกลับรายการรายได้จากโรคประเภท High Intensity Diseases (Adj.RW > 2 ) ในงวด 4Q62 เพราะสำนักงานประกันสังคมจัดสรรงบประมาณประจำปี 2562 เอาไว้ไม่พอ ทั้งนี้ รายได้จากโครงการของภาครัฐใน 4Q62 เพิ่มขึ้น 52% YoY เนื่องจากมีจำนวน case ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และรัฐบาลได้ปรับอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจากเดิม 8,050 บาท/Adj.RW เป็น 8,250 บาท/Adj.RW อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของ CHG ยังคงลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากมีการกลับรายการรายได้จาก High Intensity Diseases (Adj.RW > 2 ) ในงวด 4Q62 ซึ่งทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q62 จึงลดลงมาอยู่ที่ 26.6% จาก 28.1% ใน 4Q61 และ 34.6% ใน 3Q62

คงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิม

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-64 เอาไว้ที่ 851 ล้านบาท (+20.7% YoY) และ 915 ล้านบาท (+7.5% YoY) โดย downside จะมาจาก i) การระบาดของ COVID-19 และ ii) ภาวะเศรษฐกิจแย่ลง

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายที่ 3.10 บาท

Risks

ปัญหาเสถียภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย หรือ เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่