JUBILE - ซื้อ

JUBILE - ซื้อ

คาดกำไรปี 63 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์แต่เติบโตไม่มากเท่าปี 62

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 4Q62 ที่ 81 ลบ. +29%QoQ และ +78%YoY: รายได้ 4Q62 เติบโต 22%YoY สู่ 512 ลบ.โดยได้แรงหนุนจากการใช้ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลในการออกแบบและออกโปรโมชั่นหนุนให้ยอดขายต่อสาขาเติบโตได้ดี นอกจากนี้มีการจัดงาน “THE LEGENDARY OF CARAT & CELEBRATING 90 YEARS TIMELESS EXCELLENCE” ในช่วงเดือนธ.ค. 62 ช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 47.7% สู่ 46.9% เนื่องจากสินค้าที่ขายในงานฉลองครบรอบ 90 ปีมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าสินค้าที่ขายตามสาขา ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้นตามค่าใช้จ่ายในการจัดงานฉลองครบรอบ 90 ปีสู่ 143 ลบ. เพิ่มขึ้น 16 ลบ.จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้บริษัทรายงานรายได้และกำไรปี 62 สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทที่ 1,806 ลบ. และ 262 ลบ. เติบโต 17% และ 37%YoY  ตามลำดับ
  • ผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ในวงจำกัด : ผู้บริหารมองผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ในวงจำกัดเนื่องจากลูกค้าหลักของบริษัทเป็นคนไทยมากกว่า 90% ดังนั้นการที่นักท่องเที่ยวปรับตัวลง 50% ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมาไม่กระทบต่อยอดขายของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทคาดว่ามีสาขา 10 สาขาจากทั้งหมด 131 สาขาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้ใช้เทคโนโลยี Vision Analytic (การวิเคราะห์ภาพที่สาขาตลอดเวลาทั้งพฤติกรรมพนักงานและลูกค้า) เข้ามาช่วยจัดการผลกระทบดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันสถานการณ์ได้
  • คงประมาณการกำไรปี 63 ที่ 280 ลบ. +7%YoY : ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 63 และ 64 ที่ 280 ลบ. และ 294 ลบ. เพิ่มขึ้น 7% และ 5% ตามลำดับ เนื่องจากผู้บริหาร มีการปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ SSSG ขยายตัวต่อเนื่อง แต่เราคาดว่าในปี 63 รายได้และผลประกอบการจะไม่เติบโตสูงเท่าปี 62 เนื่องจากปี 62 เป็นฐานที่สูง อีกทั้งปี 63 มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะภัยแล้งในประเทศไทย  อย่างไรก็ตามบริษัทได้แสดงให้เห็นว่าการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data ของบริษัทได้หนุนให้ SSSG เติบโตติดต่อกัน 4 ไตรมาสและการใช้ Vision Analytic จะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายเติบโตภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากได้ นอกจากนี้ได้ขยายฐานลูกค้าใหม่สู่กลุ่มวัยรุ่นเพิ่มเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตช่วยหนุนให้รายได้ปี 63 เติบโต 7% สู่ 1.93 พันล้านบาท
  • คงคำแนะนำ “ซื้อแต่ปรับลดราคาเหมาะสมสู่ 22.50 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 14 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) ลดลงจาก 15.2 เท่า เนื่องจากคาดว่าปี 63 ผลประกอบการจะไม่เติบโตสูงเท่าปี 62 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 63 ราว 1.61 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 22.50 บาทลดลงจากเดิมที่ 24.50 บาท อย่างไรก็ตามยังมีอัพไซต์ได้อีกจากราคาปัจจุบัน และคาดหวังอัตราเงินปันผล 5.7 %ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ

ความเสี่ยง : การขยายสาขาล่าช้ากว่าแผน

              : การทำกิจกรรมการตลาดได้ผลต่ำกว่าคาด