กลต.อนุมัติ "SSF"

กลต.อนุมัติ "SSF"

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้น คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาค คาดเป็นแรงรีบาวด์หลังจากที่ตลาดปรับตัวร่วงหนักก่อนหน้านี้

รวมทั้ง ได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,378.61 จุด (+3.59 จุด) Volume 5.8 หมื่นลบ. ต่างชาติ +1,245.94 ลบ. TFEX Net -5,993 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 1,173.45 จุด +4.53% จากปัจจัยการเมืองสหรัฐหลังจาก นายโจ ไบเดน อดีตรองปธน.สหรัฐมีแนวโน้มได้รับชัยชนะในศึก"ซูเปอร์ ทิวส์เดย์" เพื่อเลือกตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐในเดือนพ.ย.นี้ นลท.ส่วนใหญ่ชื่นชอบนโยบายของเขา

+ดัชนีภาคบริการสหรัฐสูงสุดรอบ 1 ปีในเดือนก.พ.

+ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐพุ่งเกินคาดในเดือนก.พ.

+สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

+ก.ล.ต.อนุมัติกองทุน SSF 17 กองแล้ว บลจ.ส่วนใหญ่เน้นลงทุนหุ้น คาดช่วยพยุงตลาดหุ้น

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 40 เซนต์ -0.9% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 รวมทั้งข่าวที่ว่า รัสเซียอาจไม่เห็นด้วยกับการปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมกลุ่มโอเปกและพันธมิตร วันที่ 5-6 มี.ค.นี้

-กกร. ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยเหลือ 1.5-2% จากเดิม 2-2.5%

-ภาวะภัยแล้งเริ่มส่อเค้าชัดเจนส่งผลลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและ

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 45,356.88 ลบ. ค่าเงินบาท 31.35 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2562 และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังกระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.ปรับเกณฑ์กองทุน SFF ให้เหมือนกับกองทุน LTF เพื่อเป็นการช่วยเหลือตลาดทุน ประกอบกับความคาดหวังว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อพยุงเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 25 มี.ค.นี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,370-1,400 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)
  • หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
  • หุ้น High Dividend (KKP TISCO INTUCH)
  • เก็งกงน.ลดดอกเบี้ย (BAM MTC BFIT AMANAH)

หุ้นรายงานพิเศษ

AU - Analyst Meeting “Neutral-ซื้อสะสม ราคาเหมาะสม 12.9 บาท

ดำเนินกลยุทธ์ Selective Growth

(+) รายงานกำไรปี 62 เท่ากับ 237 ลบ. +20%YoY โดยมีรายได้ปรับตัวขึ้นสู่ 1,194 ลบ. +37%YoY แบ่งเป็นรายได้จาก 1) Dine-In 72% 2) Take-Away/Delivery 28% 3) OEM 4% 4) Pop-up Store/Catering 3% และ 5) รายได้จาก Initial และ Entry Fee จากสาขาฮ่องกงอีก 0.1%  ปลายปี 62 มีสาขาทั้งหมด 38 สาขาจากการเปิดเพิ่ม 6 สาขา โดยมี SSSG เติบโตกว่า 8.9% จากยอดของ Delivery ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ %GPM ทรงตัวในระดับสูงที่ 65% แต่ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ระดับ 67% เนื่องจากยอด Delivery มีมาร์จิ้นต่ำกว่า

(+/-)ปี 63 บริษัทดำเนินกลยุทธ์ Selective Growth เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติตามสาขาหลักใจกลางเมือง โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็น 15-20% ของรายได้รวม อย่างไรก็ดี บริษัทมีการเจรจาต่อรองขอลดค่าเช่าพื้นที่แล้ว โดยยังคงตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขา แต่ลดขนาดของสาขาลง นอกจากนี้ยังปรับใช้ 2 New models ของสาขา Pop-Up stores คือ 1) Semi-permanent Store มี Dining area ระยะเวลา 3 เดือน - 1 ปี และ 2) Small Kiosk ไม่มี Dining area ระยะเวลา 1-4 สัปดาห์ ปัจจุบันมีสาขา Pop-up Stores 8 แห่ง และคาดเปิดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 แห่งต่อเดือน ส่วน Franchise ที่ประเทศฮ่องกง คาดเปิดในช่วง 3Q63

ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 63 เนื่องจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 ที่อาจทำให้รายได้ในช่วง 1H63 ชะลอตัวลง และ SSSG อาจทำได้มากสุดคือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนผลประกอบการถูกเลื่อนไปเปิด 3Q63 (จากเดิมจะเปิดใน 4Q62) คาดผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นใน 2H63 อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นปรับตัวลง YTD กว่า 40% ทำให้ราคาหุ้นมี Upside 80% เราจึงแนะนำ ซื้อสะสม”

หุ้นมีข่าว   

(+) กนง.เล็งลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เหลือ 0.75% วันที่ 25 มี.ค.นี้ พร้อมจับหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มบริหารสินทรัพย์ เช่น BAM กลุ่มโรงไฟฟ้าและอสังหาฯ รับผลบวก ด้านรมว.คลัง ชงมาตรการสู้โรคโควิด-19 ปรับเกณฑ์กองทุน SSF ให้เหมือน LTF ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย พร้อมชงมาตรการทางภาษีช่วยผู้ประกอบการ และแจกเงินสด 1-2 พันบาทหรือทยอยเป็นรายเดือนให้ผู้มีรายได้น้อย อาชีพอิสระ เกษตรกร รวมกว่า 14 ล้านคน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3-4 เดือนข้างหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น) 

(+) INSET (ราคาเหมาะสม 3.26 บาท) รับอานิสงส์ 5G มีโอกาสได้งานติดตั้งเสาและโครงข่ายเพิ่ม หนุนรายได้ปี 63 เข้าเป้าโต 10-15% ตุนแบ็กล็อกกว่า 2,000 ล้านบาท แย้มแผนประมูลงานใหม่ 1,000-2,000 ล้านบาท หวังได้งาน 50% ลุ้นผลงานไตรมาส 1/63 ใกล้เคียงปีก่อน ยันไม่ได้รับผลกระทบกรณียุติโครงการ Google Station เหตุติดตั้งไปเพียงแค่ 50-60 จุดเท่านั้น (ที่มา ข่าวหุ้น) 

(+) TPBI (Bloomberg Consensus - บาท)  คาดปี 63 มีโอกาสพลิกมีกำไร ปั๊มรายได้พุ่ง 6,000 ล้านบาท หลังปรับกระบวนการผลิตสอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภค มุ่งขยายตลาดถุงใช้ซ้ำ-ถุงขยะ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ส่งออกสหรัฐฯ และออสเตรเลีย นอกจากนี้หาโอกาสตลาดใหม่ในกลุ่มแพ็กเกจจิ้งครีม หรือน้ำยาที่ช่วยลดการแพร่โควิด-19 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) EASTW (Bloomberg Consensus 13.27 บาท) คงเป้ารายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน หลังยอดใช้น้ำดิบนิคมฯ ช่วงครึ่งปีแรกหดตัว จากมาตรการกนอ.ขอความร่วมมือโรงงานลดใช้น้ำ 10% เตรียมชงบอร์ด 19 มี.ค.นี้ เสนอแผนซื้อบ่อเก็บน้ำเพิ่มอีก 7 ล้านลูกบาศก์เมตร (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) IRPC(Bloomberg Consensus 3.25 บาท)  เผยเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50% ในบริษัท ไมเท็กซ์ โพลิเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างมูลค่าเพิ่มเม็ดพลาสติกขยายตลาดกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ หวังเจาะตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ เสริมแกร่งให้ธุรกิจ คาดเริ่มดำเนินการได้ทันทีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

ORI Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 7.78) มุมมอง NEUTRAL 

ปี 62 มีกำไรสุทธิ 3,027 ล้านบาท -9% เนื่องจากรายได้รวม -15% แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นสู่ 43.5% จาก 40.7% ในปี 61 และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ทำได้ดีมีอัตราส่วนคชจ.ขายและบริหารต่อรายได้รวม 16.2% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงราว 21.4% บริษัทยอดขาย presale 28,942 ล้านบาทจากการเปิดใหม่ 20 โครงการมูลค่ารวม 2.42 หมื่นล้านบาทลดเปิดคอนโดมิเนียมเพิ่มโครงการแนวราบ บริษัทมี backlog แข็งแกร่งที่ 4.1 หมื่นล้านบาทซึ่งราว 54% จะโอนปีนี้

บริษัทยังคงใช้วิธีเลือกทำเลที่เป็น blue ocean โดยปีนี้มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบมากขึ้นโดยตั้งเป้ามียอดโอน 5 พันล้านบาทเติบโตกว่า 2 เท่าตัวจากยอดโอนแนวราบในปี 62  บริษัทปรับใช้โมเดล “Open Platform” ในทำธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในทุกรูปแบบทั้งเจ้าของที่ดิน ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งเทคโนโลยีเพื่อเติมเต็มโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและโครงการโรงแรมที่สร้างรายได้ประจำ การจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่จะสร้างรายได้ประจำที่คืบหน้าตามแผน การกระจายพัฒนาโครงการสู่พื้นที่ EEC ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PE 4.5 เท่า ขณะที่ IAA Consensus คาด yield เฉลี่ย 7.7% แนะนำถือรับเงินปันผล

(+) TRUBB (Bloomberg Consensus - บาท)  ออเดอร์น้ำยางข้นพุ่ง "โควิด-19" ระบาดดันดีมานด์ยางผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์กระฉูด แถมบาทอ่อนหนุน บิ๊กบอส "วรเทพ วงศาสุทธิกุล" แตะเบรก LS เทรด mai พร้อมปักเป้ายอดขายปี 2563 แตะ 1.4 แสนตัน รับพอร์ตลูกค้าขยาย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) STA (Bloomberg Consensus 14.57 บาท) ผู้บริหาร STA รับออเดอร์ถุงมือยางพุ่ง จองยาวไปถึงพฤษภาคม 2563 ชี้เมษายนกำลังผลิตเพิ่มจาก 2.12 หมื่นล้านชิ้นเป็น 3.3 หมื่นล้านชิ้นต่อปี รองรับออเดอร์ได้อีก แถมเพิ่มปรับราคาเพิ่ม 5% กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มอีกตามสถานการณ์ เดินหน้านำ STGT เข้า SET ไตรมาส 3/2563 โบรกแนะ "ซื้อ" เป้า 16.30 บาท คาดปันผล 4.32% (ที่มา ทันหุ้น)