‘โนเบิล’อ่วมพิษโควิด เลื่อนเปิดโครงการใหม่

‘โนเบิล’อ่วมพิษโควิด เลื่อนเปิดโครงการใหม่

‘โนเบิล’ ชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงไตรมาสแรก เหตุ "โควิด-19" ระบาดหนัก แต่มั่นใจรายได้ทั้งปีเข้าเป้า 1.2 หมื่นล้าน เตรียมออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท หวังใช้รีไฟแนนซ์-เป็นทุนสำรอง

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้ 12,000 ล้านบาท มาจากการเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่น และกำลังซื้อชะลอตัวลง ทำให้บริษัทเลื่อนเปิดตัว 1 โครงการใหม่ ในไตรมาสแรก คือ NUE งามศ์วาน

ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (backlog) กว่า 17,000 ล้านบาท และมีโครงการที่พร้อมรอการขายอีกกว่า 15,000 ล้านบาท โดยทั้งหมดจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

 “แม้เราจะเลื่อนเปิดโครงการ NUE งามวงศ์วานออกไปก่อน แต่ยังคงอยู่ในปีนี้ ดังนั้นในปีนี้เรายังคงเปิดทั้งสิ้น 7 โครงการเช่นเดิม ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาสแรก ยอมรับว่าจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยจะมาจากยอดโอนโครงการเดิม 2 โครงการ คือ NOBLE Recole และ NOBLE BE33” นายธงชัย กล่าว

ด้านการเปิดตัว 7 โครงการใหม่ เบื้องต้นจะมี 2 โครงการที่เป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ 1 โครงการ และอีก 1 โครงการกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U โดยเป็นโครงการย่านรัชดา-ลาดพร้าว คาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงเดือน มิ.ย. นี้

นายธงชัย กล่าวถึง แผนการแสวงหาสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อมาบริหาร เพิ่มความมั่งคั่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย คาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่อังกฤษ 1 ดีล มูลค่าโครงการประมาณ 500-1,000 ล้านบาท

บริษัทยังมีแผนที่จะนำโครงการ Noble Remix สุขุมวิท 33 เข้ากองรีท มูลค่าขายประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดมีความชัดเจนภายในไตรมาส 4/2563 และยืนยันว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวจะรับรู้เป็นรายได้-กำไรจากการดำเนินงานได้ทันที

“การขายเข้ากองรีทนั้น เป็นของภายนอกเพราะเราไม่ได้มีกองเอง ซึ่งเป็นเหมือนกับการทำ M&A กัน ซึ่งโครงการสุขุมวิท 33 นี้ เป็นคอนโดมิเนียมที่เราทำมาแล้ว 8-9 ปี นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อนำเข้ากองรีทในอนาคตด้วย” นายธงชัย กล่าว

ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาทแบ่งเป็นการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือน พ.ค. นี้ ประมาณ 1,500 ล้านบาท และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 500 ล้านบาท ไว้รองรับการลงทุนในอนาคต