'จุรินทร์' สั่งทบทวนยอดส่งหน้ากากอนามัยถึงสธ. หลังรพ.เอกชนโวยไม่พอใช้

'จุรินทร์' สั่งทบทวนยอดส่งหน้ากากอนามัยถึงสธ. หลังรพ.เอกชนโวยไม่พอใช้

"จุรินทร์” สั่งกรมการค้าภายใน ทบทวนยอดส่งหน้ากากอนามัยถึงสธ. หลังรพ.เอกชนโวย ไม่พอใช้ ยัน ราคาควบคุม 2.50 บาทต่อชิ้น เตรียมจัดรถโมบายกระจายทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.63  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงมาตรการควบคุมหน้ากากอนามัย ว่า หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากโรงงาน มี 2 ส่วน ส่วนแรกหน้ากากอนามัยทางเลือก โดยกระทรวงมหาดไทยได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดแจกจ่ายให้ประชาชนจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 225 ล้านบาท สามารถผลิตได้ 50 ล้านชิ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณะสุข รับรองแล้วว่า สามารถป้องกันโควิด-19 ได้ 

ส่วนที่สองหน้ากากอนามัยสีเขียว มีโรงงานผลิตทั่วประเทศ 11 แห่ง มีกำลังผลิตรวมกันก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 30 ล้านชิ้นต่อเดือน เฉลี่ยวันละ 1 ล้านชิ้น เพียงพอใช้ในประเทศและสามารถส่งออกได้ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์แล้วโรงงานทั้งหมดได้เร่งกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 36 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือ 1.2 ล้านชิ้นต่อวันละ ทำให้เกิดอาการตึงตัว เนื่องจากมีความต้องการใช้มาก จึงได้หารือกับผู้ประกอบการให้เพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 38 ล้านชิ้นต่อเดือน จากการเพิ่งวันผลิตในวันอาทิตย์อีก 1 วัน แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากประเทศจีน จึงเหลือแค่ไต้หวันกับอินโดนีเซียเท่านั้น จึงทำให้มีต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลจะควบคุมให้ราคามาตรฐานไว้อยู่ที่ 2.50 บาทต่อชิ้น ดังนั้น ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นรัฐบาลอยู่ระหว่างการรวบรวมตัวเลข เพื่อเข้าไปช่วยชดเชยต่อไป  

นายจุรินทร์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้ ทางกระทวงพาณิชย์ จะต้องส่งให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไปจัดสรรให้กับโรงพยาบาลทุกแห่ง แจกให้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดได้ใช้ก่อน โดยตัวเลขเดิมตั้งแต่ประกาศหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะได้รับการจัดสรรก่อนจำนวนร้องละ 30 จากจำนวนที่ผลิตได้ทั้งหมด หรือ 10 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือวันละ 3.5 แสนชิ้น แต่ปรากฏว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชน ระบุว่า ยังขาดแคลนอยู่ จึงได้สั่งการไปใหม่ว่า ให้แต่ละฝ่ายไปหารือกัน เพื่อทบทวนตัวเลขใหม่ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากขึ้น ก่อนที่จะกระจายส่วนที่เหลือไปตามผู้จัดจำหน่ายต่างๆให้เร็วที่สุด รวมถึงสมาคมร้ายขายยา สายการบิน และประชาชนทั่วไป โดยในวันที่ 5 มีนาคมนี้ กรมการค้าภายในจะจัดรถโมบาย กระจายทั่วประเทศ โดยใน

กทม.และปริมณฑลจำนวน 20 คัน จังหวัดอื่นๆตามความเหมาะสมเพื่อกระจายหน้ากากให้ได้มากที่สุด โดยไม่ต้องกังวลว่า จะมียี่ปั๊วจะไปรับซื้อถึงโรงงานเพื่อเกรงกำไร เพราะ ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำอยู่ที่โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย โรงงานละ 2 คนเพื่อกำกับดูแล รายงานยอดการผลิต รวมถึงตัวเลขของการกระจายที่ต้องรายงานต่อศูนย์กระจายหน้ากากอนามัยที่มีกรมการค้าภายใน กับกระทรวงสาธารณะสุขเป็นผู้รับผิดชอบทุกวัน เพื่อกระจายสินค้าให้ทั่วถึงที่สุด

เมื่อถามถึงมาตรการในการควบคุมหาพบผู้ขายหน้ากากอนามัยแพงกว่าราคาควบคุมนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการผู้กระทำผิดกฏหมายไปแล้ว 60 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีขายเกินราคา ในลักษณะแพงเกินสมควร ให้เจ้าหน้าตำรวจดำเนิน จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ ไม่เกิน 1.4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนในออนไลน์ อาจจะมีลักษณะเข้าข่ายหลอกหลวง มิจฉาชีพให้โอนเงิน แต่ไม่มีการส่งหน้ากากอนามัยไป เช่นเดียวกับหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐานก็ถือว่า เข้าข่ายหลอกลวง โดยเจ้าหน้าตำรวจ รวมถึง กอ.รมน. และทางจังหวัดได้เข้าไปช่วยสอดส่องดูแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ขายแพงเกินสมควร ได้ให้เจ้าหน้าที่ติดตามดำเนินคดีย้อนหลังด้วย ขณะเดียวกันยังได้สั่งเจ้าของแพลตฟอร์มในช่องทางออนไลลน์ต่างๆ ถ้ายังปล่อยให้มีการทำผิดก็ต้องแจ้งความด้วยเช่นกัน

ส่วนกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้แจกหน้ากาอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐานให้กับประชาชนนั้น ตนไม่ทราบว่า นำมาจากไหน แต่ถ้าใครส่งเรื่องให้สอบตนก็ยินดี และไม่ทราบข้อเท็จจริงด้วยว่า ได้มาตรฐานหรือไม่ และไม่มีอำนาจไปสั่งให้นายสิระหยุดแจกด้วย