ถึงเวลา Transform Healthcare

ทำไมระบบนิเวศของการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขถึงยังเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรม น่าจะช่วยทำให้ผู้คนเข้าถึงการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นกว่านี้ ?

อุตสาหกรรม Healthcare  ยังคงเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนทั้งๆที่เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของคน กลไกในการควบคุมที่รัดกุมทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้มีกำแพงและอุปสรรคมากมายที่จะทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในการให้บริการ อีกทั้งผู้เกี่ยวข้องใน Value Chain ของล้วนแต่เป็นยักษ์ใหญ่เช่น ภาครัฐ บริษัทยา โรงพยาบาล ผู้ให้บริการทางการแพทย์ บริษัทประกัน ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้การเปลี่ยนแปลงและกระบวนการ Transform ของแต่ละภาคส่วน เกิดขึ้นได้ยาก ทั้ง ๆที่สัดส่วนของการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวในการดูแลสุขภาพมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตของ GDP และยังมีความท้าทายใหม่ๆที่วงการแพทย์และการสาธารณสุขต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติจากโรคระบาดใหม่ การขาดแคลนบุคลากร และ การช่วยทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงการรักษาและยาได้อย่างทันท่วงที

บริษัทวิจัยชั้นนำอย่าง Frost & Sullivan ได้วิเคราะห์วิถีการ Transform ของ Healthcare ไว้อย่างน่าสนใจ นักวิเคราะห์มองว่า การให้บริการทางการแพทย์ในอนาคตจะเปลี่ยนไปจาก  “ Provider/Process Centric”  ไปเป็น “Patient Centric” นั่นคือการโฟกัสที่ผู้ป่วย/ผู้รับบริการ มากกว่าการใช้โรงพยาบาลเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่ง เพราะความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ โรงพยาบาลจะมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในเรื่องของ ทรัพยากร คุณภาพของการบริการ ปัญหาเรื่องบุคคลากร และ ต้นทุนที่ต้องแบกรับ  อนาคตของการให้บริการทางการแพทย์มีแนวโน้มที่จะไปในทิศทางเหล่านี้  

เทรนด์ของการเปลี่ยนแปลงอันแรกคือ  Decentralization การให้บริการแบบ Home/Virtual Care และ e-Visit จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ สอดรับกับความพร้อมของ Digital Health  ที่ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เราได้เริ่มเห็นการเกิดขึ้นของ Telehealth อย่างเป็นรูปธรรมแล้วในหลายประเทศ  กระบวนการให้คำปรึกษาและคัดกรองผู้ป่วยผ่าน Telehealth หรือ กระทั่ง e-Pharmacy ที่ให้บริการสั่งยาและส่งยาถึงบ้านเพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลจะกลายเป็นทางเลือกของผู้ป่วยในการขอรับบริการ ทำให้ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลแบบ Anytime, Anywhere

การสนับสนุนให้เกิด Decentralization ของระบบการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขน่าจะช่วยทำให้การให้บริการทางการแพทย์สามารถเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้แบบ Direct to Consumer เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น

เทรนด์ที่สองของการ Transform Healthcare คือ Preventive & Wellness focused มีการประมาณการไว้ว่าสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพในอนาคตจะเป็นไปเพื่อการป้องกันและการส่งเสริมสุขภาพมากกว่าการใช้ไปกับการรักษาพยาบาล ความก้าวหน้าของ AI และการใช้ IoT ในทางการแพทย์รวมถึงการขยายตัวของ Wearable และ Smart Home Devices จะทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมหาศาลที่จะทำให้ Tech Company และ ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถนำเอาข้อมูลเหล่านั้นไปให้คำแนะนำและช่วยให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงวิถีและแนวทางการดูแลสุขภาพแบบยั่งยืนเพื่อลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิต

ล่าสุดยักษ์ใหญ่อย่าง Google ก็ร่วมมือกับ Ascension กลุ่มธุรกิจบริหารโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในสหรัฐ ทำข้อตกลงภายใต้โครงการ Nightingale โดยนำเอาข้อมูลของคนไข้มาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลคนไข้และเข้าไปพัฒนา AI เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการตรวจโรคและดูแลผู้ป่วย  ถึงแม้ว่าโครงการดังกล่าวจะได้เสียงตอบรับเชิงลบเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคนไข้ แต่ปลายทางของโครงการนี้ก็ถูกยืนยันว่าจะทำเพื่อให้คำแนะนำด้านสุขภาพได้อย่างเจาะลึกและเป็นประโยชน์กับผู้ป่วย

เทรนด์สุดท้ายที่น่าสนใจและอาจจะพลิกโฉมอุตสาหกรรม Healthcare ในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้าก็คือ Value-based Healthcare ซึ่งจะเป็นการปลี่ยนจาก Fee for service ไปเป็นการคิดค่าบริการแบบ Pay for performance ถึงแม้โมเดลนี้จะยังฟังดูไกลเกินจริงในปัจจุบัน เพราะปัจจัยตัวชี้วัดเรื่องการประเมินผลลัพธ์ในการรักษาเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก และอาจมีองค์ประกอบอีกหลายตัวที่ยังวัดเป็นรูปธรรมไม่ได้ แต่ในหลายประเทศทางฝั่งภาครัฐและกลุ่มธุรกิจประกันได้ทำการศึกษาโมเดลนี้กันอย่างเข้มข้น เพราะในที่สุดแล้ว ถ้าสามารถทำให้ Value-based care เกิดขึ้นได้จริง ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น เพราะผู้ให้บริการทางการแพทย์จำเป็นจะต้องแข่งขันกันเพื่อปรับปรุง ผลลัพธ์ของการให้บริการ แต่ยังจะทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อบริหารต้นทุนการบริหารจัดการของโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย และปลายทางคือต้นทุนที่ต่ำลงของภาครัฐและบริษัทประกันในด้านการจัดการให้บริการทางสุขภาพ

ถึงแม้การ Transform ระบบนิเวศของอุตสาหกรรม Healthcare จะเริ่มพอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่เรายังไม่รู้ว่าระยะทางจะยาวไกลแค่ไหนกว่าที่เราจะเดินไปสู่การจัดการบริการสุขภาพแบบเน้นคุณค่าและผลลัพธ์ของผู้ป่วย เพราะปัจจัยขับเคลื่อนผลลัพธ์ไม่ได้อยู่เพียงแค่ เทคโนโลยี นวัตกรรม หรือ Big Data แต่อยู่ที่ว่าภาครัฐ และ ภาคเอกชนที่เป็นกลไกขับเคลื่อนจะมี Vision สำหรับอนาคตขนาดไหน หรือจะยังให้ความสำคัญเพียงแค่การบริหารจัดการผลประกอบการในระยะสั้นเท่านั้น