ส่อง สตอรี่ 'คอมเซเว่น' ดันยอดขาย ผ่าน '5G'

ส่อง สตอรี่ 'คอมเซเว่น' ดันยอดขาย ผ่าน '5G'

เปิดบริการ 5G โอกาสสร้างตลาดใหม่ เกาะกระแสเทคโนโลยีเปลี่ยน ! 'สุระ คณิตทวีกุล' นายใหญ่ 'คอมเซเว่น' เผยปีหน้าเห็นยอดขายชัวร์ ด้านกลยุทธ์ปี 2563 เดินเครื่อง 'ขยายสาขา & เปิดตัวสินค้า' หวังรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%

ตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2562 บมจ. คอมเซเว่น หรือ COM7 มีรายได้ระดับ 'หมื่นล้านบาท' เป็นไตรมาสแรก ! ขณะที่ 'กำไรสุทธิ' 386 ล้านบาท เติบโต 49% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุจากการเปิดตัวสินค้ากลุ่ม Apple ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) อย่าง ไอโฟนรุ่น 11 และ Apple Watch 

'สุระ คณิตทวีกุล' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คอมเซเว่น หรือ COM7 เล่าให้ฟังว่า ปี 2563 บริษัทมีเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยแผนธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ยังคงเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนผ่านจะมีความร่วมมือกับผู้ประกอบการมือถือ Xiaomi (เสียวหมี่) มากขึ้น ซึ่งล่าสุดมีแผนจะวางจำหน่ายสินค้า Xiaomi ที่มีการเติบโตสูงในช่วงที่ผ่านมา หลังจากบริษัทมีการเดินทางไปประเทศจีนเพื่อเจรจากันมาหลายรอบในปีที่ผ่านมา  

รวมทั้งปัจจัย 'บวก' ในประเด็นการเปิดให้บริการโครงข่าย 5G หลังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้เอกชนประมูลคลื่นความถี่ไปแล้ว และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในครึ่งปีหลัง 2563 ซึ่งเทคโนโลยี 5G จะเป็นตัวสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนโทรศัพท์ (มือถือ) กันใหม่ เพื่อให้รองรับเคลื่อนข่าย 5G รวมทั้งจะเพิ่มความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น Smart Home , Sport Tech , Health Tech  เป็นต้น 

'สิ่งที่เราคาดหวังหลังจากการเกิดขึ้นของ 5G คือ การเติบโตของสินค้าอัจฉริยะ ซึ่งถือเป็นเซ็กเมนต์ใหญ่มาก ที่เราสามารถที่จะแยกออกมาเปิดร้านขายสินค้าประเภทดังกล่าว และถือว่าจะเป็นการเปิดร้านและสินค้าที่เป็น IOT อย่างแท้จริง' 

เขา บอกต่อว่า การให้บริการ 5G ถือเป็น 'โอกาส' ของ COM7 ในการขยายตลาดใหม่ๆ อีกมาก คาดว่าไตรมาส 4 ปี 2563 จะมีความชัดเจน และไตรมาส 1 ปี 2564 จะเริ่มสร้างยอดขายให้กับบริษัท จากเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ และการดำเนินชีวิตของผู้บริโภครวมไปถึงการเข้าสู่ยุคสินค้า Internet of Things (IoT)

'สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์แกดเจ็ตกลายเป็นสินค้ายอดนิยม และมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เป็นโอกาสให้ COM7 ขยายตลาด และเติบโตในยุคเทคโนโลยีเช่นกัน' 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้ ประเมินว่าสินค้าเทคโนโลยีในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการประมูลคลื่นความถี่ 5G เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สนับสนุนให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่การพัฒนาเทคโนโลยี 5G เป็นทิศทางที่ดีในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีจะได้รับการตอบรับ และอยู่ในความสนใจของผู้บริโภค ทั้งตลาด B2C ที่บริษัทมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ควบคู่กับการรุกมายังตลาด B2B มากขึ้นอีกด้วย   

ขณะเดียวกันบริษัทจะมีการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่าน 'ออนไลน์' ให้มากขึ้น โดยผ่านการโปรโมทรูปแบบต่างๆ โดยตั้งเป้าภายใน 2 ปีข้างหน้า จะมีสัดส่วนเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2% ซึ่งในขณะนี้บริษัทได้อยู่ระหว่างก่อสร้างคลังสินค้าออนไลน์ โดยจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2563 เพื่อรองรับยอดขายช่องทางออนไลน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนอกจากนี้ การขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยมีรูปแบบร้านเหมือน Banana จำหน่ายสินค้าทั้งไอที (IT) และ สมาร์ทโฟน ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น 

'ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ สนับสนุนภาพรวมยอดขาย และการลงทุนไม่สูง จึงมีแผนการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ต่อเนื่องในปีนี้ ควบคู่การรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น'

นอกจากนี้ บริษัทวาง 'กลยุทธ์' การขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 168 สาขา หรือ ปลายปี 2563 คาดว่าจะมี 955 สาขา พร้อมปรับโฉมใหม่ในบางสาขาเก่าให้ทันสมัยอีกประมาณ 40 สาขา โดยวางงบลงทุนไว้ที่ราว 300 ล้านบาท และนำสินค้าใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าแกดเจ็ต และไอโอที ควบคู่การขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ และรุกตลาดองค์กรในรูปแบบโซลูชั่นมากขึ้น รวมไปถึง การจับมือพันธมิตรใหม่เสริมแกร่ง 

ณ ปี2562 ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัทมีจำนวน 787 สาขา โดยเป็นการขยายเพิ่มจากปี 2561 รวม 147 สาขา แบ่งเป็น กลุ่มร้าน Multi-Brand ประกอบด้วย ร้าน Banana, Banana Mobile, Banana Outlet, BKK และ Kingkong phone รวมอยู่ที่ 409 สาขา  ร้าน Studio7 & U store รวม 102 สาขา ขณะที่ True shop by com7 122 สาขา Banana shopping (Franchises) 80 สาขา iCare 26 สาขา Gadgets’ store ประกอบด้วยร้าน Bb beyond, d-box, B-play และ E-quip รวม 11 สาขา แบรนด์ช็อป ประกอบด้วยแบรนด์ของ Samsung, OPPO, Vivo, Huawei และ Xiaomi รวม 37 สาขา

อย่างไรก็ดี COM7 มุ่งเน้นการควบคุมและบริหารจัดการภายใน เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องสำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทปี 2562 มีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 33,362.5 ล้านบาท เติบโต 19.5% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อนอยู่ที่ 27,913 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4,416.3 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21.8% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อนอยู่ที่ 3,626.4 ล้านบาท กำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 1,215.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 893.1 ล้านบาท

ส่วนการระบาดของ 'ไวรัสโควิด-19' นั้น ปัจจุบันยังไม่เห็นผลกระทบดังกล่าวทั้งจากจำนวนคนที่เดินห้างและการผลิตสินค้าจากจีน ซึ่งบริษัทจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมแผนรับหรือปรับกลยุทธ์บางส่วนให้มีความเหมาะสมกับภาวะตลาดโดยรวมแล้วบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมาย

สำหรับความกังวลเรื่องการระบาดของโคโรน่าไวรัสจะส่งผลกระทบใน 2 ด้านหลัก คือ  1.Supply side ว่าบริษัทจะมีสินค้าไม่พอขาย บริษัทได้สั่งสินค้าเข้ามาจำนวนมากก่อนปีใหม่พอขายได้ 2 เดือน และบริษัทได้รับการยืนยันถึงสินค้าที่จะเข้ามาในเดือนมี.ค.นี้แล้วไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และ 2.Demand side สาขาในจังหวัดท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยวที่ชะลอลง โดยยอดขายอยู่ราวๆ 10% ของยอดขายรวม หากประเมินแบบ bearish ให้ยอดขายในสาขานั้นๆ หายไปครึ่งหนึ่งตลอดทั้งปีจะกระทบยอดขายรวมราว 5%

สำหรับ ด้านความคืบหน้าการร่วมมือกับ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือร่วมกัน ซึ่งคาดว่าภายในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 จะสามารถเห็นความชัดเจนได้

ท้ายสุด 'สุระ' ทิ้งท้ายว่า ปีนี้ยอมรับว่าทำธุรกิจยากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบมาก แต่เชื่อว่าบริษัทยังสามารถเติบโตได้อีกตามกลยุทธ์ที่วางไว้  

COM7 โตครึ่งปีหลัง !  

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้  บอกว่า คาดจะเห็นการเติบโตที่ดีในครึ่งหลังปี 2563 จากการเริ่มให้บริการ 5G คาดกำไรสุทธิของ COM7 เติบโตเฉลี่ยที่ 14% ต่อปี จาก 1.แผนการขยายสาขา จาก 787 สาขามาอยู่ที่ 917 สาขาในปี 2563 (บริษัทตั้งเป้า 987 สาขา) และการเพิ่มสินค้าใหม่มากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดมีแผนจะวางจำหน่ายสินค้า Xiaomi ซึ่งมีการเติบโตสูงในช่วงที่ผ่านมา 2.ได้อานิสงส์จากการให้บริการ 5G ซึ่งจะผลักดันให้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมทั้งจะเพิ่มความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องเช่น Smart Home, Sport Tech เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตได้ดีแล้ว ส่งผลให้มี upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมาย ดังนั้น ยังคงแนะนำ 'ถือ' กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2562 สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง โดย COM7 รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 386 ล้านบาท ด้วยการเติบโต 49% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 35% ไตรมาสก่อน ถือว่าดีกว่าที่คาดและตลาดคาดไว้ 

'เป็นไตรมาสแรกที่บริษัทมีรายได้แตะระดับหมื่นล้านบาท ซึ่งแรงหนุนมาจากการเปิดตัวสินค้ากลุ่ม Apple ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี' 

อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4 ปี 2562  ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 12.6% จาก 14% ในไตรมาส 4 ปี 2561 และ 14% ในไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ Apple ที่มีอัตรากำไรต่ำกว่าสินค้าอื่นๆ มีสัดส่วนสูงขึ้น แต่ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 3.7%

ทั้งนี้ ปรับลดประมาณการผลประกอบการปี 2563-2565 ลงเพื่อสะท้อน 1.ประเมินผลกระทบจาก TFRS16 เบื้องต้นอยู่ที่ 68 ล้านบาทในปี ครึ่งปีหลัง 2.ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นลงมาอยู่ที่ 13.5% จากผลิตภัณฑ์ Apple สัดส่วนสูงและคาดด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้น่าจะส่งผลให้บริษัทต้องใช้โปรโมชั่นในการส่งเสริมการขาย 

อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการของ COM7 จะเติบโตและคาดแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดจะเห็นการโปรโมท 5G ของผู้ประกอบการ ซึ่งจะส่งผลให้มีการเปลี่ยน device รองรับ 5G ซึ่งบริษัทได้เตรียมพร้อมโดยการขยายสาขาผลิตภัณฑ์ใหม่และลูกค้ากลุ่มใหม่เช่น ร้าน Bb Beyond D-Box, ร้าน E-Quip จับกลุ่มเกมส์, ร้าน Bb Move จำหน่ายจักรยานและสกูตเตอร์ไฟฟ้า, B-Play จำหน่ายสินค้า Accessories เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น