TCAP - ซื้อ

TCAP - ซื้อ

เปลี่ยนตัวเองเป็นหุ้นปันผล

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

การเพิ่มหนี้จะทำให้ ROE เพิ่มขึ้นในอนาคต

หลังจากที่โอน Tbank ไปอยู่ภายใต้ TMB แล้ว TCAP จะกลายเป็น holding company อย่างแท้จริง ซึ่งมูลค่าหลักจะมาจากการลงทุนในบริษัทอื่น ๆ (figure 1) แต่หากไม่รวมหนี้ของบริษัทในเครือ (THANI) งบดุลของ TCAP จะมีหนี้น้อยมาก โดยสัดส่วน net D/E จะ <0.5x ซึ่งจากการที่บริษัทได้เรตติ้ง A+ จาก TRIS Rating ทำให้ TCAP มีโอกาสที่จะก่อหนี้เพิ่มจน D/E เพิ่มจนถึง 3.0x เพื่อนำไปใช้ลงทุนเพิ่มผลกำไร หรือจ่ายปันผลในอัตราที่สูง

กำไรประเภท Recurring จะอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาท

หลังจากแยก Thanachart Bank และ Thanachart Fund ออกไปแล้ว การลงทุนของ TCAP จะมีดังแสดงใน Figure 1 ซึ่งมูลค่าการลงทุนหลัก ๆ จะมาจาก MBK, Thanachart Insurance, Thanachart Securities,THINI และ AMC อีกสามแห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ มีหลายธุรกิจที่มีผลกำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ ยกเว้น THANI AMC และ MBK ซึ่งอยู่ในโหมดของการเติบโต และ profile การเติบโตก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานว่ากำไรของ TMB อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท กำไรรวมของการลงทุนในพอร์ตของ TCAP จะอยู่ที่ประมาณ 5.0 พันล้านบาทในปี 2563 ในขณะที่กำไรจากการขาย Ajinomoto จะเป็นกำไรส่วนพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา

MBK และ AMC อาจจะเป็นเป้าหมายการลงทุนใหม่

TCAP ยังมีเงินสดในมือเหลือหลังจากจบโครงการซื้อหุ้นคืนอีกประมาณ 3.7 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อพิจารณาพอร์ตการลงทุนของบริษัท เราคิดว่า TCAP อาจจะพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มใน MBK และธุรกิจ AMC เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่ประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งนี้มูลค่าสินทรัพย์ที่ประสบปัญหาของ AMC ทั้ง 3 แห่งอยู่ที่ 3-3.5 พันล้านบาท

คงคำแนะนำซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 63F ที่ 61.00 บาท (P/BV ที่ 1.1x, P/E ที่ 10.0)

เราใช้สมมติฐานว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครืออยู่ที่ 5.0 พันล้านบาท และมีกำไรพิเศษจากการลงทุนอีก 2.5 พันล้านบาทจากการขายหุ้น 6% ใน AJINOMOTO (จากมูลค่าดีล 7.1 พันล้านบาท) ซึ่งกำไรส่วนนี้จะทำให้ ROE >12% (ซึ่งเป็นเป้ าของบริษัท) และทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2563 ได้ที่ 3.00 บาทต่อหุ้นหรือมากกว่านั้น ในขณะที่โครงการซื้อหุ้นคืนโดยใช้งบ 6.0 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นไม่เกิน 97 ล้านหุ้นในช่วง 25/2/63-10/8/63 จะช่วยจำกัด downside ของราคาหุ้น ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 61 บาท (P/E ที่ 10.0x และ P/BV ที่ 1.1x)

Risks

มีการขยายกรอบเวลาดีล M&A NPL เพิ่มขึ้น และตั้งสำรองเพิ่มขึ้น.