"หุ้นไทย" กลางภาวะถดถอย "รีบาวด์" แรงหลังพ้นวิกฤต

"หุ้นไทย" กลางภาวะถดถอย "รีบาวด์" แรงหลังพ้นวิกฤต

ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าขั้นโคม่า หลังถูกถล่มขายหนัก เลือดท่วมกระดานเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ ทำเอานักลงทุนออกอาการเซ็งไปตามๆ กัน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

เพราะหุ้นถูกขายแทบทุกตัว หลังตลาดหวั่นวิตกต่อการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ “โควิด-19” ที่กำลังระบาดหนัก ขยายวงกว้างออกไปทั้งโลก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศจีนหรือทวีปเอเชียเท่านั้น

สำหรับประเทศไทยสถานการณ์ยังอยู่ในระยะที่ 2 แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กำลังค่อยๆ ขยับใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที หลังล่าสุดพบผู้ติดเชื้อคนไทยเพิ่มอีก 3 ราย เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน โดย “ปู่-ย่า” เพิ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่น และแพร่เชื้อให้หลานวัยเพียงแค่ 8 ขวบ ที่ไม่ได้เดินทางไปด้วย

ตลอดทั้งสัปดาห์นี้การระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งในเกาหลีใต้, อิหร่าน และทวีปยุโรปอย่างอิตาลี จนส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง หันซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงเมื่อไหร่ จากเดิมที่หลายหน่วยงานประเมินว่าจะดีขึ้นในเดือน เม.ย. แต่ตอนนี้แนวโน้มน่าจะลากยาวออกไปอีก

หุ้นไทยดูตื่นตระหนกมากกว่าภูมิภาค แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะน้อยกว่าหลายประเทศ แต่ตลาดหุ้นกลับถูกขายหนักกว่า รวม 4 วันทำการที่ผ่านมา หุ้นไทยลงไปแล้วเกือบ 200 จุด สะท้อนความกังวลของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะกลัวว่าเมื่อเศรษฐกิจไทยติดไวรัสจะยิ่งทรุดหนักลงไปอีก ซ้ำเติมผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง และงบประมาณรายจ่ายปี 63 ที่ล่าช้า ทำให้เสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) หรือ การที่จีดีพีติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส

เพราะหลายสถาบันฟังธงแล้วว่า ไตรมาส 1 ปี 2563 เศรษฐกิจไทยติดลบแน่นอน และหากไวรัสยังลามหนักมีโอกาสที่จะติดลบต่อในไตรมาส 2 ปี 2563 นั่นหมายความว่าภาวะถดถอยใกล้เข้ามาทุกที และแน่นอนว่านักลงทุนคงไม่อยากเห็น เพราะในอดีตเมื่อเกิดภาวะถดถอยขึ้นเมื่อใด ตลาดหุ้นจะปรับฐานหนักตามมาด้วย

โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2540 เคยเกิดภาวะถดถอยมาแล้ว 3 ครั้ง คือ วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540 ตามด้วยวิกฤตซับไพรม์ เมื่อปี 2551 ซึ่งในช่วงระหว่างเดือน พ.ค.-พ.ย. 2551 ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลง 55.6% ต่างชาติขายหุ้นไทยไป 1.36 แสนล้านบาท

ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ ปรากฎว่า SET Index ในช่วงเดือน พ.ค. 2556-ม.ค. 2557 ลดลงไป 21.5% และต่างชาติขายหุ้นไทย 1.91 แสนล้านบาทและแม้ขณะนี้ภาวะถดถอยยังไม่เกิด แต่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นไทยปีนี้ดิ่งลงมาแล้ว 13.50% ณ สิ้นวันที่ 26 ก.พ. โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมา 3.6 หมื่นล้าน ดังนั้น ถ้าภาวะถดถอยเกิดขึ้นจริงผลกระทบคงมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เหตุการณ์เลวร้ายผ่านพ้นไป ดัชนีฯ มักดีดกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเป็นโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ เช่น หลังวิกฤตซับไพรม์ผ่านไป 6 เดือน SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 49.3% และหลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง 8 เดือน SET Index บวกขึ้นมา 26.8% ดังนั้น หากอิงจากสถิติในอดีต มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวแรง หลังโควิด-19 คลี่คลาย

เห็นข้อมูลแบบนี้หวังว่าน่าจะทำให้นักลงทุนอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง และอยากให้กำลังใจทุกๆ คน เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องนอกเหนือการควบคุม คงไม่มีใครอยากให้เกิดโรคระบาด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราต้องยอมรับความจริงและปรับตัวรับมือให้ได้ หวังว่าจะผ่านพ้นภาวะวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

เชื่อว่าภายใต้วิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ อยู่ที่ว่าจะมาช้าหรือเร็ว และใครจะเห็นโอกาสนั้นก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบพื้นฐานการทำธุรกิจของหลายบริษัท แต่เป็นผลทางจิตวิทยามากกว่า จึงอยากให้ทุกคนตั้งสติกันให้ดี ค่อยๆ คิด ค่อยๆ สแกนหุ้นเลือกลงทุน

ถ้าอยากปลอดภัยหน่อย “หุ้นปันผลสูง” ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะอย่างน้อยๆ มีปันผลให้ติดไม้ติดมือมาบ้าง ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ช่วงนี้ประกาศมาหลายตัว แต่อาจต้องรีบหน่อยเพราะจะขึ้น XD กันแล้ว ส่วนใครยังไม่กล้าเสี่ยง จะขอแตะเบรกรอดูสถานการณ์ไปก่อนก็ไม่ว่ากัน