เปิดกระเป๋าเศรษฐีหุ้นไทย ใคร 'รวยขึ้น-จนลง'?

เปิดกระเป๋าเศรษฐีหุ้นไทย ใคร 'รวยขึ้น-จนลง'?

จากต้นปี 63 สู่ Black Wednesday 26 ก.พ.63 ดัชนีหุ้นไทยตัวเลขหายไปถึง 2 ล้านล้านบาท ลองมาเปิดกระเป๋าเศรษฐีหุ้นไทยกันดูว่า ใครรวยขึ้น หรือจนลงบ้าง?

จาก Black Wednesday เมื่อ 26 ..63 ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยดิ่งหนัก ปิดการซื้อขายที่ 1,366.41 ลดลง 72.69 หรือ 5.05% เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี 10 เดือน ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 9.31 หมื่นล้านบาท

โดยถ้านับย้อนลงไปตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมาแล้วราว 213.43 คิดเป็นการลดลง 13.5% และคิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ลดลงจากระดับ 16.75 ล้านล้านบาท สิ้นปี 2562 มาอยู่ที่ระดับ 14.70 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา สรุปรวมตัวเลขที่หายไปประมาณ 2 ล้านล้านบาท!

เราลองมาเปิดกระเป๋า "10 เศรษฐีหุ้นไทย ปี2562" จากการจัดอันดับโดย วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2562 นำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวม  วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อสำรวจว่า ปัจจุบัน เศรษฐีหุ้นกลุ่มนี้ ถือครองในมือมูลค่ารวมมากขึ้น หรือน้อยลง อย่างไรบ้าง

158285997995

1. สารัชถ์ รัตนาวะดี : รวยขึ้นกว่า 13,607 ล้านบาท 

เริ่มตั้งแต่แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยคนล่าสุด สารัชถ์ รัตนาวะดีกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ที่ถือครองหุ้นมูลค่าไปกว่า 120,960 ล้านบาทในปีผ่านมา โดย วันที่ 30 กันยายน 2562 ราคาหุ้นอยู่ที่หุ้นละ 160 บาท แต่มาจนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ราคาหุ้นกลับพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 178 บาท หากคำนวณจากจำนวนหุ้นที่ถือทั้งหมด 755,999,994 หุ้น จะทำให้มูลค่าถือครองรวมเป็น 134,567 ล้านบาท เท่ากับว่าสารัชถ์ รวยขึ้นกว่า 13,607 ล้านบาท

2. นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ : รวยน้อยลง 7,123 ล้านบาท 

อันดับที่ 2 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ (BA) จากเดิมปี 2562 ถือครองหุ้นมูลค่าราว 66,110 ล้านบาท โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) ราคาหุ้น 30 กันยายน 2562 หุ้นละ 24.20 บาท เมื่อเทียบกับปีนี้ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ราคาหุ้นตกลงมาอยู่ที่ 21.90 บาท โดยนพ.ปราเสริฐมีหุ้นในกลุ่มนี้รวมๆ 2,647,168,140 หุ้น ทำให้มีมูลค่ารวม 57,972 ล้านบาท

ขณะที่อีกส่วนมาจากกลุ่ม สายการบินบางกอกแอร์เวย์ (BA) ที่ในปี 2562 ราคาหุ้นอยู่ที่หุ้นละ 8.70 บาท แต่ปีนี้กลับร่วงลงมาเหลือหุ้นละ 4.56 บาท ซึ่งจากจำนวนหุ้นที่ถือทั้งหมด 222,777,500 หุ้น ทำให้นพ.ปราเสริฐถือครองหุ้นกลุ่มสายการบินนี้มูลค่า 1,015 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมทั้งสองกลุ่ม มูลค่าการถือครองสูงถึง 58,987 ล้านบาท โดยรวยน้อยลงไป 7,123 ล้านบาท

3.นิติ โอสถานุเคราะห์ : รวยน้อยลง 6,825 ล้านบาท

ตามมาด้วยทายาทอาณาจักรโอสถสภานิติ โอสถานุเคราะห์ผู้ก้าวจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้วมาสู่เศรษฐีหุ้นลำดับที่ 3 ของปี 2562 จากการถือครองหุ้นมูลค่ารวม 48,613.32 ล้านบาท โดยมีการถือหุ้นหลักๆ อยู่ใน บมจ.โอสถสภา (OSP) ราคาหุ้น 30 กันยายน 2562 อยู่ที่หุ้นละ 37.25 บาท แต่  วันที่ 26 ก.พ.63 ราคาหุ้นขึ้นมาอยู่ที่ 40.25 บาท เมื่อคำนวณกับจำนวนหุ้นในครอบครองปัจจุบันที่ 489,081,300 หุ้น เท่ากับเขามีมูลค่าหุ้นถือครอง 19,685 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน นิติยังถือครองหุ้นรวมๆ แล้วอีกราว 10 กลุ่ม ได้แก่ มจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) ทั้งหมด  2,224,362 หุ้น ราคาหุ้นปี 2563 อยู่ที่หุ้นละ 248.00 บาท เทียบกับปี 2562 ในราคาหุ้นละ 321.00 บาท ทำให้เหลือมูลค่าถือครองราวๆ 551 ล้านบาท (ลดลงราว 163 ล้าน) , บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ทั้งหมด 36,129,511 หุ้น มูลค่าถือครองปัจจุบันรวม 650 ล้านบาท เทียบราคาหุ้น ณ 26 ก.พ.63 กับ 30 ก.ย.62 พบว่า จาก 33.00 บาทลดลงเหลือราคาหุ้นละ 18.00 บาท , บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ทั้งหมด 49,572,400 หุ้น มูลค่าถือครอง ณ 26 ก.พ.63 รวม 2,664 ล้านบาท จากราคาหุ้นละ 53.75 บาท ซึ่งลดลง 68.00 บาทจากราคา ณ 30 ก.ย.62 ,

บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) จำนวนหุ้นทั้งหมด 621,415,762 หุ้น โดยราคาหุ้น ณ 26 ก.พ.63 หุ้นละ 12.10 บาท เท่ากับมูลค่าถือครอง 7,519 ล้านบาท ลดลงจาก 30 ก.ย.62 ซึ่งราคาหุ้นอยู่ที่ 17.10 บาท, บมจ.อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) (IRC) จำนวนทั้งหมด 3,840,500 หุ้น ราคาหุ้น 26 ก.พ.63 อยู่ที่  14.70 บาท รวมมูลค่าถือครอง 56 ล้านบาท โดยราคาหุ้นลดลงจาก 30 ก.ย.62 ซึ่งราคาอยู่ที่หุ้นละ 16.80 บาท, บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) จำนวน 365,954,851 หุ้น เมื่อคำนวณกับราคาหุ้นละ 27.25 บาท (26 ก.พ.63) เท่ากับถือครองมูลค่ารวมกว่า 9,972 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นนี้ลดลงจากปี 2562 ที่อยู่หุ้นละ 37.50 บาท,

บมจ.โอเชียนกลาส (OGC) ทั้งหมด 346,800 หุ้น โดยราคาหุ้น ณ 26 ..63 อยู่ที่ 24.50 บาท รวมมูลค่าถือครองรวม 8.5 ล้านบาท ซึ่งราคาหุ้นปรับลดลงจากปี 30 ก.ย.62 เล็กน้อย, บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED) ทั้งหมด 4,421,219 หุ้น 26 ..63 ราคาหุ้นอยู่ที่ 1.58 บาท รวมมูลค่าถือครอง 6.98 ล้านบาท หุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน, บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (SNP) ทั้งหมด 4,800,500 หุ้น 26 ..63 ราคาหุ้นอยู่ที่ 12.20 บาท ทำให้มูลค่าถือครองรวม 58 ล้านบาท กลุ่มนี้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น จากเดิมราคาอยู่ที่หุ้นละ 16.80 บาท และกลุ่มสุดท้ายคือ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA) ทั้งหมด 3,334,336 หุ้น 26 ..63 ราคาหุ้นอยู่ที่ 185.50 บาท มูลค่าถือครองรวม 618 ล้านบาท

ทั้งนี้ทำให้ปี 2563 “นิติ โอสถานุเคราะห์ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 41,788 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 30 ก.ย.62 มูลค่ารวม 48,613 ล้านบาท จะเห็นว่ารวยลดลงไปราว 6,825 ล้านบาท

4. คีรี กาญจนพาสน์ : รวยลดลง 6,070 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นไทยลำดับที่ 4คีรี กาญจนพาสน์ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ปี 2562 ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 43,080 ล้านบาท

แยกเป็น หุ้น BTS  ซึ่งราคา  30 ..62 หุ้นละ 13.40 บาท เมื่อเทียบกับปี 2563 ราคาหุ้น 26 ..63 จะเห็นว่าลดลงอยู่ที่ราคาหุ้นละ 11.50 บาท ทำให้มูลค่าหุ้นรวมกลุ่มนี้ 36,678 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นถือครองทั้งหมด 3,189,441,052 หุ้น รวมถึงยังมีหุ้นใน บมจ.วีจีไอ (VGI) อีกราว 47,220,000 หุ้น ราคาหุ้น ณ 26 ก.พ.63 อยู่ที่หุ้นละ 7.05 บาท ลดลงจาก 30 ก.ย.62 ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.85 บาท ทำให้มูลค่าถือหุ้นรวม 332 ล้านบาท

หากนำมารวมกันทั้งสองกลุ่มจะทำให้คีรีถือหุ้นมูลค่ารวมกว่า 37,010 ล้านบาท เท่ากับว่าจะรวยลดลง 6,070 ล้านบาท

5.สมโภชน์ อาหุนัย : รวยลดลง 832 ล้านบาท

ต่อที่อันดับ 5 "สมโภชน์ อาหุนัย" เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยปี 62 ถือครองหุ้นมูลค่า 42,084 ล้านบาท ราคาหุ้น EA 30 ..62 หุ้นละ 48.00 บาท เทียบกับราคาหุ้น 26 ..63 หุ้นละ 44.50 บาท ซึ่งลดลงมา ทำให้มูลค่าถือครองรวม 39,001 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเข้าไปถือหุ้นใน Amita Technologies Inc. ในไต้หวัน โดยราคาหุ้น 24 ..2563 หุ้นละ 28.50 บาท ซึ่งถือครองราว 76,109,821 หุ้น จะมีมูลค่ารวมราว 2,260 ล้านบาท

เมื่อนำมูลค่าทั้งสองกลุ่มมารวมกันสมโภชน์จะถือครองมูลค่าราว 41,261 ล้านบาท ทำให้รวยลดลง 832 ล้านบาท

6. วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ : รวยลดลง 2,349 ล้านบาท

ด้านทายาทคนโตของอาณาจักรสี TOA วนรัชต์ ตั้งคารวคุณกรรมการกลุ่ม บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) เศรษฐีหุ้นลำดับที่ 7 ปี 2562 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 41,055 ล้านบาท จากราคาหุ้น 30 ..62 หุ้นละ 40.50 บาท ขณะที่ 26 ก.พ.63 ราคาหุ้นลดลงเหลือหุ้นละ 31.25 บาท หากคำนวณจากจำนวนหุ้นทั้งหมด 182,600,000 หุ้น ทำให้มีถือครองมูลค่าไว้ 5,706 ล้านบาท ประกอบกับการถือหุ้นในกลุ่ม บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) กว่า 16,500,000,000 หุ้น ทำให้ปี 2563 มีมูลค่าถือครองหุ้นรวมราวๆ 33,000 ล้านบาท จากราคาหุ้นละ 2.00 บาท (26 ก.พ.63) ซึ่งลดลงจาก 30 ก.ย.62 เล็กน้อย

ทั้งนี้ วนรัชต์ มูลค่าถือครองหุ้นรวมทั้งหมด 38,706 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบ ถือว่ารวยลดลง 2,349 ล้านบาท

7.ดาวนภา เพ็ชรอำไพ : รวยเพิ่มขึ้น 1,080 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นลำดับที่ 7 ดาวนภา เพ็ชรอำไพผู้ถือครองหุ้น บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) มูลค่ากว่า 41,040 ล้านบาทในปี 2562 ราคาหุ้น 30 ..2562 หุ้นละ 57.00 บาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับราคาหุ้น 26 ..2563 หุ้นละ 58.50 บาท ด้วยราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมา คำนวณกับจำนวนที่ถือครองทั้งหมด 720,000,000 หุ้น ทำให้มีมูลค่าถือครองสูงถึง 42,120 ล้านบาท หรือรวยขึ้นราว 1,080 ล้านบาท

8. ชูชาติ เพ็ชรอำไพ : รวมเพิ่มขึ้น 697 ล้านบาท

ตามมาด้วย ชูชาติ เพ็ชรอำไพคู่สมรสของดาวนภา เพ็ชรอำไพ ปี 2562 ถือครองหุ้น บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือเดิมชื่อเมืองไทยลิสซิ่ง มูลค่ารวม 40,841 ล้านบาท โดยราคาหุ้น 30 ..2562 หุ้นละ 57.00 บาท เมื่อนำมาเทียบกับปี 2563 ราคาหุ้น 26 ..2563 หุ้นละ 58.50 บาท ในจำนวนการถือครองทั้งหมด 710,056,400 หุ้น ทำให้มีมูลค่าหุ้นถือครองกว่า 41,538 ล้านบาท แน่นอนว่ารวยเพิ่มขึ้นตามๆ กันไปกับดาวนภาประมาณ 697 ล้านบาท

9. พิชญ์ โพธารามิก : รวยลดลง 9,734 ล้านบาท

ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) นั่นคือพิชญ์ โพธารามิกถือครองหุ้นในกลุ่มนี้มูลค่ารวม 32,596 ล้านบาท ในราคาหุ้น 30 ..62 หุ้นละ 6.40 บาท ขณะที่ราคาหุ้น 26 ..63 ลดลงมาเหลือหุ้นละ 5.00 บาท เมื่อคำนวณจากจำนวนหุ้นที่ถือครองทั้งหมด  4,572,490,053 หุ้น ทำให้มูลค่าถือครองรวมกว่า 22,862 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามูลค่าหุ้นลดลงไปมาก เท่ากับว่ารวยน้อยลงไปราว 9,734 ล้านบาท

10. อนันต์ อัศวโภคิน : รวยลดลง 4,017 ล้านบาท

เศรษฐีหุ้นลำดับที่ 10 “อนันต์ อัศวโภคินเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ปีที่ผ่านมาถือครองหุ้นมูลค่ารวม 27,469 ล้านบาท ในราคาหุ้น 30 ..62 หุ้นละ 9.60 บาท แต่ปีนี้ราคาหุ้นตกลงมา โดย 26 ..63 ราคาอยู่ที่หุ้นละ 8.20 บาท โดยมีจำนวนหุ้นถือครองทั้งหมด 2,860,000,047 หุ้น ทำให้มูลค่าถือครองรวมสูงถึง 23,452 ล้านบาท แต่ก็ยังเป็นมูลค่าที่ลดลง เท่ากับเศรษฐีหุ้นลำดับที่ 10 รวยลดลงไป 4,017 ล้านบาท