‘ประยุทธ์’ ยันประเทศไม่ใช่ ‘รัฐทหาร’ มีแผนลด 'นายพล' ลง50%

‘ประยุทธ์’ ยันประเทศไม่ใช่ ‘รัฐทหาร’ มีแผนลด 'นายพล' ลง50%

"ประยุทธ์" ยันประเทศไม่ใช่ "รัฐทหาร" แจง "กห." มีแผนลดขนาดกองทัพ ลั่นหั่นอัตรา "นายพล" ลง 50% รีดไขมันทุกกองพัน เหลือรถถังที่ละ 44 คัน ยัน "เรือดำน้ำ" จำเป็นน่าเกรงขาม

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.63 เวลา 16.20 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกชี้แจงถึงการใช้งบกระทรวงกลาโหมในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ว่า ที่ห่วงว่าประเทศของเราจะกลายเป็นรัฐทหารนั้นไม่เป็นความจริง แต่กระทรวงกลาโหมมีแผนแม่บทปรับโครงสร้างให้มีขนาดเล็กลง ทั้งกำลังพลและเครื่องไม้เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ยืนยันไม่ได้จัดซื้อให้มากที่สุด เพียงแต่ซื้อเพื่อทดแทนในบางส่วนก็ต้องซ่อมบำรุง ส่วนทหารคนใดที่พฤติกรรมไม่ดีก็ต้องแก้ไขกันไปโดยมีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนทุกวัน

ในส่วนของการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น มูลค่าทางทะเลของไทยมีมหาศาล 24 ล้านล้านบาทต่อปี อีกทั้งประเทศรอบบ้านต่างก็มีทั้งหมด เช่น เวียดนาม 6 ลำ อินโดนีเซีย5 ลำ และสิงคโปร์ 4 ลำ โดยต่างก็มีแผนที่จะซื้อเพิ่ม ซึ่งในส่วนของเรามีความจำเป็นแต่ซื้อได้ในจำนวนน้อย โดยมีการวางแผนระยะยาวเอาไว้ 3 ลำ แต่จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มี ทั้งนี้การมีเรือดำน้ำเวลาดำลงไปมีศักยภาพน่าเกรงขามเหมือนกัน ดังนั้น จะล่าช้าไม่ได้เพราะการซื้อขายไม่ใช่รูปแบบร้านขายรถ ต้องใช้เวลาตั้ง 6 ปี มีการส่งคนไปฝึกกับเขา รวมถึงการฝึกคอบร้าโกลด์ มีการฝึกเรื่องเรือดำน้ำด้วย

อย่างไรก็ตาม การเสริมสร้างศักยภาพกองทัพไม่ได้หมายความว่าจะไว้รบอย่างเดียว แต่เราต้องสร้างศักยภาพเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทั้งทางบกทางทะเลต้องทำให้ทหารเป็นมืออาชีพมีมาตรฐาน

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังมีแผนลดกำลังพลรวมถึงนายพล พร้อมดูแลในเรื่องเบี้ยเลี้ยง และบ้านพักทหาร การพัฒนาคุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อย ซึ่งผู้บังคับบัญชาที่เอาลูกน้องไปเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูเลี้ยงหมา ผู้บังคับบัญชาโดนจับขังหมดแล้ว ทั้งนี้จะมีการบรรจุข้าราชการพลเรือนเข้ามาแทนที่ด้วย

อย่างไรก็ตาม การลดจำนวนนายพลมีแผนให้ลดลงเหลือร้อยละ 50 และปัจจุบันมีการปรับลดจำนวนรถถังจากกองพันละ 51 คัน เหลือ 44 คัน แต่ยังคงความสามารถเท่าเดิมโดยทดแทนด้วยเทคโนโลยี ส่วนการเกณฑ์ทหารกระทรวงกลาโหมมีความต้องการกำลังพล 5 แสนคน แต่มีผู้สมัครใจสมัครเข้าเกณฑ์ทหาร 40% ส่วนจำนวนที่เหลือเราก็เกณฑ์ตามยอดที่ต้องการซึ่งถือว่าไม่มาก เมื่อเข้ามาแล้วเราก็ต้องดูแลเขา หลายคนติดยาก็แก้จนหายมีการฝึก 10 สัปดาห์ แต่ไม่ได้หมายความว่าไปรบได้ เพราะเรื่องจิตใจยังไม่ได้ ต้องใช้เวลา 2 ปีในการกล่อมเกลาจิตใจถึงจะส่งไปพื้นที่ภาคใต้ได้ ซึ่งในตอนกลางวันยังพอมีเพื่อนเดินตรวจกัน 4-5 คน แต่พอตกกลางคืนมันเหงาเปล่าเปลี่ยว หากใครเคยอยู่ชายแดนจะรู้ว่า มันโดดเดี่ยวโดยเฉพาะเวลากลางคืนอันตรายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงขอให้เข้าใจด้วย ส่วนเรื่องที่ทหารทำความผิดเหมือนเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น จึงต้องมีวิธีการต่อไป ซึ่งการลงโทษเรามีวินัยทหารอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของงบประมาณกระทรวงกลาโหมเป็นเช่นเดียวกับหลายกระทรวง ซึ่งการที่ได้เพิ่มขึ้นอยู่กับงบประมาณของประเทศหรืออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนที่สูงขึ้นก็เป็นไปตามสัดส่วน แต่มีความพยายามในการปรับลด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลส่วนใหญ่ ไม่ใช่เรื่องการรักษาอธิปไตย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเวลานึกอะไรไม่ออกก็บอกทหารเพราะเขากินนอนอยู่ในค่าย เราใช้ค่ายทหารในการดูแลอุทกภัย แม้กระทั้งโควิด-19 ก็ไม่มีใครรับ กองทัพเรือก็รับไป เราพยายามทำให้ทหารมีคุณค่ามาโดยตลอด

“เรื่องอะไรที่เป็นเรื่องไม่ดี เรื่องผิดผมน้อมรับไว้ทุกประการณ์ เพื่อจะดำเนินการแก้ไขให้ทุกต้องในทุกประเด็น ส่วนเรื่องอื่นคงชี้แจงไปหมดแล้ว แต่ผมกังวลในเรื่องของการเกณฑ์ทหาร ทหารทุจริตผมว่าก็มีในทุกหน่วยงาน ฉะนั้น เราก็ต้องขจัดคนไม่ดีออกไป ลงโทษ โดยผู้บังคับบัญชาต้องควบคุมเป็นลำดับชั้น และการลงโทษก็ต้องลงโทษเป็นลำดับชั้นใครยศสูงก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบสูง และสิ่งสำคัญคำขวัญของทหารคือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน เราต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกโอกาส และถือเป็นคติประจำใจของทหารทุกคนไม่เช่นนั้นไม่มีใครไปรบให้เราชายแดนก็ไม่มีใครอยู่” นายกฯ กล่าว