มาจากประเทศเสี่ยง 'ไม่ป่วยไม่ต้องไปตรวจแล็บ" ไวรัสโคโรน่า

มาจากประเทศเสี่ยง 'ไม่ป่วยไม่ต้องไปตรวจแล็บ" ไวรัสโคโรน่า

สธ.เผยคนป่วยกลับบ้านได้อีก 3 ราย ไทยมีอัตราป่วยหายโควิด-19 ที่ 67 % ประเมินสถานการณ์ห่วงคนไทยกลับจากประเทศเสี่ยงป่วยมากขึ้น ย้ำกลับจากประเทศเสี่ยงกักตัวเอง 14 วัน ไม่ป่วยไม่ต้องไปตรวจแล็บ

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19(COVID-19)นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้เพิ่มอีก 3 ราย เป็นจากสถาบันบำราศนราดูร 2 ราย เป็นชายจีน อายุ 63 ปีและชายไทย อายุ 49 ปี จากโรงพยาบาลราชวิถีเป็น หญิงจีน อายุ 33 ปี มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 27 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 13 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 40 ราย ทั้งนี้ ไทยยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต และมีอัตราป่วยหาย 2 ใน 3 หรือคิดเป็นราว 67 %

ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 26 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 2,064 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 76 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,988 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,352 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 712 ราย

ไม่ป่วยไม่ต้องตรวจแล็บ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีผู้เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง ไปตรวจแล็บกลังกลับมา2-3วันทั้งที่ยังไม่มีอาการป่วย นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า มีบางบริษัทที่มีนโยบายให้พนักงานที่กลับจากประเทศเสี่ยงต้องไปตรวจแล็บเพื่อแสดงผลว่าไม่ได้ป่วยโควิด-19นั้น ไม่มีความจำเป็น ไม่คุ้ม และหากไปตรวจโดยที่ยังไม่มีอาการก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะไม่ใช่ในระยะแรกแล้ว จะไม่มีเชื้อในระยะต่อมา เพราะระยะฟักตัวโรค 14 วัน อีกทั้ง ยังจะเป็นการไปเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่โดยไม่มีความจำเป็น ซึ่งการปฏิบัติตัวเมื่อกลับจากประเทศ คือการเฝ้าสังเกตอาการตนเองจนครบ 14 วัน พยายามให้มีคนมาสัมผัสตัวเองน้อยที่สุด ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ กินอาหารร้อน ใช้ช้อนกลางหรือแยกสำรับ และหากเริ่มมีอาการป่วย ให้รีบไปตรวจและแจ้งประวัติตามความจริง


ห่วงคนไทยป่วยมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประเมินความเสี่ยงของประเทศไทยว่าความเสี่ยงเกิดจากต่างชาติที่มาจากประเทศเสี่ยง หรือคนไทยที่กลับจากประเทศเสี่ยงมากกว่า นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ยังมีความเสี่ยงเหมือนกัน ในการคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศที่สนามบินจึงยังต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มข้นเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยยืนยันช่วงหลังอย่างน้อย 4 คนจะเห็นได้ว่าเป็นคนไทยที่กลับมาจากประเทศเสี่ยงทั้งหมด บวกกับนักท่องเที่ยงต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนลดลงอย่างมาก เช่น จีนไม่มีการเดินทาง หรือเกาหลีใต้และญี่ปุ่นก็ไม่อยากเดินทางเพราะกลัวจะมีอาการป่วยในต่างประเทศ จึงมีความเป็นห่วงในกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปในประเทศเสี่ยงแล้วกลับมาจะเสี่ยงต่อการป่วยโควิด-19มากขึ้น 

     วันเดียวกัน เวลา 16.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะที่ปรึกษารมว.สธ.ด้านโรคโควิด-19ว่า จากการหารือในคณะที่ปรึกษา และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ยังไม่จำเป็นต้องบังคับกักกันตนเองหลังกลับมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่หากอนาคตต้องเอากฎหมายมาบังคับให้กักตัวเอง 14 วัน ก็จะพิจารณาบางเมือง บางกรณี 
      "หากทุกคนให้ความร่วมมือไม่ไปประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือไปแล้วกลับมา กักตัวเอง 14 วัน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเมืองไทยลดลง โอกาสที่จะทำให้ประชาชนไปรับเชื้อลดลง เมื่อความเสี่ยงลดลง อัตราการติดเชื้อก็จะลดลง อัตราผู้ป่วยก็น่าจะลดลง แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีการเตรียมพร้อมให้การรักษาเต็มที่ ทั้งยา เวชภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์ที่ให้การรักษาก็สูงขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้จะนำมาให้การดูแลผู้ป่วยเต็มที่" นายอนุทินกล่าว