‘เฟซบุ๊ค’ หวั่นโควิด19 ฉุดโซเชียลคอมเมิร์ซ กระทบซัพพลายจีน

เผยผลสำรวจขาช้อปดิจิทัลคนไทยเติบโตขีดสุด ยอดจับจ่ายโต 5 เท่า มองภาพรวมตลาดคอมเมิร์ซม่มีผู้ชนะเด็ดขาด ทุกแบรนด์ยังแข่งขันได้ 

นายจอห์น แวกเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร เฟซบุ๊ค ประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวมที่ชะลอตัวและสถานการณ์โรคโควิด19 ที่กำลังระบาดอย่างหนัก มีส่วนทำให้โซเชียลคอมเมิร์ซสะดุด เพราะมีปัญหาด้านซัพพลายเชนจากประเทศจีน ที่ส่งสินค้ามาไม่ได้ทำให้ร้านค้าไม่มีสต๊อกสินค้าเพียงพอในการจำหน่ายไปสู่ผู้บริโภค 

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของตลาดโซเชียล คอมเมิร์ซ บนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ค ยังไม่เห็นสัญญาณที่ลดลงของการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค เพราะในสถานการณ์แบบนี้ เมื่อคนไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์กันได้มากเหมือนก่อน การค้าออฟไลน์จะลดลงโดยปริยาย และการค้าขายออนไลน์จะโตขึ้นเป็นธรรมดา และเมื่อเกิดเหตุแบบนี้แพลตฟอร์ม ซื้อขายออนไลน์ ดิลิเวอร์รี่ก็มีช่องทางขยายตัวที่มากขึ้นด้วย

พร้อมกันนี้ เฟซบุ๊คได้ร่วมกับบริษัท เบน แอนด์ คอมพานี จำกัด ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค ภายใต้หัวข้อ Riding the Digital Wave: Southeast Asias Discovery Generation ซึ่งจัดทำขึ้นในปี 2561 โดยสำรวจกลุ่มคนจำนวน 12,965 คน ในประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม รวมถึงสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูง และนักลงทุนอีกกว่า 30 คน ในแถบภูมิภาคนี้ มีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจจำนวน 1,954 คนจากประเทศไทยด้วย

เขา ระบุว่า การทำสำรวจเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเติบโตของชนชั้นกลางแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อทำความเข้าใจว่า ผู้บริโภคมีส่วนช่วยพัฒนาและกำหนดแนวทางในอนาคตของอีคอมเมิร์ซสำหรับในภูมิภาคแถบนี้อย่างไรบ้าง ผลสำรวจเผยว่า ชนชั้นกลาง ที่กำลังเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีส่วนผลักดันผู้บริโภคยุคดิจิทัลให้เติบโตถึง 70-80% ภายในปี 2568 

ผู้บริโภคดิจิทัลไทยทะยานสูง

นอกจากนี้ พบว่าในประเทศไทยกลุ่มผู้บริโภคชาวดิจิทัลที่กำลังเติบโตนี้ ช่วยสร้างสมรภูมิการแข่งขันเชิงธุรกิจแห่งใหม่ให้บรรดาบริษัทต่างๆ ที่กำลังมองหาช่องทางเติบโตธุรกิจออนไลน์ และอยู่บนโซเชียล คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เห็นได้ชัดกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

โดยประเทศไทยและภูมิภาคดังกล่าวถือเป็นผู้นำด้านการรับรู้ และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มาพร้อมกับตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น จากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและความมั่งคั่งของผู้บริโภคส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคชาวดิจิทัลนี้ ได้มีการซื้อสินค้าหรือบริการบนช่องทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งในที่ปีผ่านมา 

“ในปี 2558 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้บริโภคชาวดิจิทัลอยู่ราว 90 ล้านคนโดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 2.8 เท่าและเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านคนภายในปี 2568 คาดการณ์ว่าจำนวนผู้บริโภคชาวดิจิทัลในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 310 ล้านคน โดยการศึกษายังได้ประเมินว่ามูลค่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์จะเติบโตถึง 4 เท่า ทั่วทั้งภูมิภาค และตั้งเป้าว่าการเติบโตจะมีมูลค่าการใช้จ่ายถึงเกือบ 5 เท่าในประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกัน”นายแวกเนอร์ กล่าว