กนอ.จ่อคลอดแผนนิคมอุตสาหกรรมสกัด 'โควิด-19'

กนอ.จ่อคลอดแผนนิคมอุตสาหกรรมสกัด 'โควิด-19'

กนอ.เตรียมออกมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 ในนิคมอุตสาหกรรมมทั่วประเทศ เล็งปรับเป้าขายที่ดินปีนี้รับพิษเศรษฐกิจทรุดด้านเอเชียคลีนฯเชื่อไทยสร้างความมั่นใจคุมไวรัสได้

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่าจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายประเทศ กนอ.เตรียมจะออกประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศมีมาตรการและบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดในการตรวจและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคโควิด - 19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความเสี่ยงของผู้ที่ทำงานในโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม

นางสาวสมจิณณ์ กล่าวด้วยว่า กนอ.อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในไทยในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ในความดูแลของ กนอ.ประมาณ 3,000 ไร่ต่อปี

158271523080

โดยปีนี้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากหลายด้าน ซึ่งนอกจากเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสแล้วจะต้องประเมินถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนด้วย

“ในปีนี้ต้องดูว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ปีละ 3,000 ไร่ จะต้องนำข้อมูลมาดูกันอีกครั้งว่าจะยังคงเป้าหมายเดิมอยู่หรือไม่ เนื่องจากมีปัจจัยหลายเรื่องที่อาจกระทบกับการวางแผนลงทุนของนักลงทุน"

เบื้องต้นประเมินว่า  การระบาดโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลงใน 2 - 3 เดือนนี้ ซึ่งสถานการณ์การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้จะยังคงไม่ได้รับผลกระทบมาก เป้าหมายในการขายที่ดินของ กนอ.ก็จะไม่ลดลงมากนักด้วย

158271379671

นายเสรี อติภัทธะ ประธานกรรมการ บริษัทเอเชียคลีน อินดัสเตรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายประเทศ ขณะที่ประเทศไทยยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดไว้ได้ในระดับที่ 2 โดยเชื่อว่าหากยังสามารถควบคุมการระบาดในประเทศได้ในระดับนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่มีแผนที่จะขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศCLMV เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นโอกาสรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในอนาคต

โดยนิคมเอเชียคลีน ที่บริษัทมีการเริ่มลงทุนไปแล้วในโครงสร้างพื้นฐานและมีแผนจะเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในนิคมฯในปี 2564 ก็มีหลายชาติเข้ามาติดต่อเพื่อลงทุนในนิคมแล้วเช่นนักลงทุนจากสหรัฐ  จีน และญี่ปุ่น