'เพื่อไทย' จ่อซักฟอก 'นายกฯ' ลากยาวถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้

'เพื่อไทย' จ่อซักฟอก 'นายกฯ' ลากยาวถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้

“เพื่อไทย” จ่อซักฟอก “นายกฯ” ลากยาวถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ จวกมีข้อบังคับการประชุมเป็นอุปสรรค ทำอภิปรายไม่ไว้วางใจกลายเป็นเวทีแถลงผลงานรัฐบาล เชื่อหลังปิดอภิปราย “บิ๊กตู่ – วิษณุ – ดอน” มีคดีเป็นของแถม

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.63 เวลา 15.30 น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาการพรรคเพื่อไทย พร้อมส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวภาพรวมครึ่งทางของการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านถือว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีข้อบังคับเป็นปัญหา และอุปสรรค ทำให้ต้องปรับกระบวนยุทธ์ โดยการอภิปรายทั้ง 3 วัน นายกฯ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีคนอื่น ๆ ชี้แจงแทน  แม้ฝ่ายค้านจะประท้วง แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่าสามารถทำได้ ไม่ผิดข้อบังคับ จนทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถูกเปลี่ยนไปเป็นการแถลงนโยบายรัฐบาล การลุกขึ้นชี้แจงแทนของรัฐมนตรีต่างๆ ทำให้รัฐสภากลายเป็นเวทีให้แถลงนโยบาย และผลงานกันอย่างสนุกสนาน

ในส่วนของเนื้อการการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มุ่งเน้นใน 3 ประเด็น ได้แก่ ความบกพร่องผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ ,เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ,และทุจริต ซึ่งเดิม ตั้งเป้าว่าจะอภิปรายนายกฯ เพียง 2 วันครึ่ง แต่ขณะนี้แนวโน้มที่จะทะลุไปเป็นวันที่ 2 และวันที่ 3 จากเดิมที่จะอภิปรายจบในค่ำวันนี้ ในส่วนของนายกฯจะขยายไปถึงเวลา 12.00 น.ของวันที่ 27 ก.พ. จากนั้นเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีอีก 5 คน โดยคาดว่าจะอภิปรายจบลงในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ.

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านถามได้ทุกคน แต่รัฐบาลตอบไม่ได้ แม้จะมีการเปิดตัวอักษรชื่อย่อ เพื่อยั่วยุให้ออกมาตอบ แต่ก็ไม่มีการชี้แจงซึ่งทำให้ตีความได้ว่าจนมุม เมื่อถูกตั้งคำถามถึงปัญหาเศรษฐกิจ ก็ตอบแบบกล้อมแกล้ม และเมื่อถูกตั้งคำถามถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ ฝ่ายรัฐบาล ก็ไม่ชี้แจงเลย อาจเป็นเพราะเขาวิเคราะห์ไม่ออกว่าเหตุใดคนรวยจึงรวยแบบก้าวกระโดด 150 %

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านประเมินภาพรวม พบว่าในหลายข้อกล่าวหา รัฐบาลตอบไม่ตรง และไม่ตอบ จึงไม่แปลกใจที่ผลสะท้อนทำให้หุ้นตก หลังจากนี้วิกฤติเศรษฐกิจจะคู่ขนานไปกับวิกฤติกระบวนการยุติธรรม และขอให้จับตาการอภิปรายนายกฯ ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ.) โดยนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย เรื่องรถถังเบรกแตก คาดว่า หลังการจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีคดีแถมให้กับนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แค่ครึ่งทางของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีหนึ่งคนก็เตรียมจะลาออกอยู่แล้ว สำหรับนายกฯ แค่เรื่องไอโอประเด็นเดียว จะเอาตัวรอดหรือไม่

ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจนานเป็นเดือน แต่คำตอบของนายกฯ และรัฐมนตรี เปรียบเทียบได้กับการถามวัวตอบควาย  ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ถามเลย เช่น ตั้งคำถามถึงโครงการไบโอแมทริกซ์ และแอร์พอร์ตลิงค์ ที่มีการเอื้อประโยชน์ นายกฯ ก็ไปตอบประโยชน์ของโครงการ และนายกฯ ยังตอบคำถามโดยใช้อัตราความเร็วในการพูดเหนือมนุษย์ จับใจความไม่ได้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของไฮไลท์สำคัญการอภิปรายในวันที่ 27 ก.พ. อยู่ที่นายศรัณย์วุฒิ จะอภิปรายครอบคลุม 3 ป. โดยจะเน้นเรื่องการซื้ออาวุธในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล ซึ่งได้เอกสารหลักฐานสำคัญจากต่างประเทศในหลายภาษา ที่ผ่านการแปลเรียบร้อยแล้ว รวมถึงประเด็นของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ที่จะมีทั้งเรื่องการแสดงสำเนาภาษีเป็นเท็จ การแก้ไข พ.ร.บ.สรรพาสามิต จนมีผลกระทบมาถึงโรงงานยาสูบ 

นอกจากนี้ในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรค ยังเตรียมข้อมูลอภิปราย งบประชาสัมพันธ์ บริษัทจันทร์ 29 ที่จะโยงใยให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีบางคน ที่ไปประสานติดต่อจนได้รับงานจากภาครัฐหลายโครงการ