'ฝ่ายค้าน' เปิดไฟฉาย ไล่ 'บิ๊กตู่' กลางสภา จี้ให้ประกาศยุบสภา

"ฝ่ายค้าน" เปิดไฟฉาย ไล่ "นายกฯ" จี้ให้ประกาศยุบสภา "ประยุทธ์" ยิ้มหน้ารื่น ไม่ตอบโต้ หลังถูกตั้งฉายา "ตู่ธานอส" ฝ่ายค้านยืดเวลาอภิปรายนายกฯ ต่อถึงคืนนี้

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 63 ในการประชุมสภาฯ พิจารณาญัติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ยังเป็นประเด็นการอภิปรายส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายและให้ฉายา พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็น "ตู่ธานอส" ที่เข้ายุ่งทุกเรื่องและทำให้เจ๊งทุกเรื่อง ซึ่งข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านต่อนายกฯ​ทั้งหมด 35 กรณี ตนมองว่าไม่มากเกินไป ที่ผ่านมาพบว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจขอใช้งบประมาณสูงที่สุด แต่จีดีพีของประเทศต่ำที่สุด, ฐานะหัวหน้าทีมความมั่นคง คุมกลาโหม คุมตำรวจ ที่รับผิดชอบสวัสดิภาพของประชาชน แต่พบการแพร่ระบาดของยาเสพติด อาชญากรรมเกิดขึ้นจำนวนมาก เป็นต้น อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นที่ตนไม่สามารถไว้วางใจได้

เพราะ 1.ปล่อยให้มีมวลอากาศพิษเต็มเมือง สร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยต้นเหตุมาจากการลงนามของพล.อ.ประยุทธ์ให้ก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสายพร้อมกันก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งสังคมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่ต้องลงนามพร้อมกันเพื่อสะสมทุนให้เกิดการสืบทอดอำนาจหรือไม่, 2.โกหก ปกปิดความจริง จนได้ฉายาว่า ตู่ พิน็อคคิโอ ทำให้ประเทศเจอภาวะวิกฤต ล่าสุดคือเหตุการณ์ระบาดและแก้ไขไวรัสโควิค-19 ในประเทศ และ 3.ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะความรับผิดชอบสถานการณ์รุนแรงที่เกิดจากบุคลากรในกองทัพ ต่อเหตุการณ์ปล้นอาวุธสงคราม และกราดยิงประชาชนที่ จ.นครราชสีมา​

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า นาครทรรพ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้นิ้วสั่งทุกอย่างเหมือนธานอส รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้รับฉายาว่ารัฐบาลเชียงกง ถ้าบริหารประเทศได้ดีก็คงไม่ได้รับฉายา พล.อ.ประยุทธ์ มีคำครหามากที่สุดในเรื่องการซื้ออาวุธ และละเลยปล่อยให้มีอาชญากรรมและยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง เกิดผู้เสพหน้าใหม่จำนวนมาก

"นายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการหลายชุด แต่มีข้อสงสัยว่าเคยมีเรื่องอะไรที่สำเร็จบ้างหรือไม่ มีแต่ทำแล้วเจ๊งคามือ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้มีมวลอากาศพิษเต็มบ้านเต็มเมือง คือ PM2.5 เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งเคยเจอกับฝุ่นพิษนี้ สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ง่ายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งส่วนมาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทางใน กทม.และปริมณฑล" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้านั้นจำเป็นต้องผ่านตรวจสอบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับอันตราย แต่กลับมีการพยายามเร่งผลักดันโครงการออกมาด้วยการอ้างว่าต้องการแก้ไขปัญหารถติด เหตุผลสวยหรูทำให้มีการเร่งรีบดำเนินการก่อนจะมีการเลือกตั้ง เมื่อมีการลงนามสัญญาก่อสร้างแล้วก็ต้องเร่งรีบก่อสร้างบนพื้นผิวจราจร นำมาซึ่งการจราจรติดขัดจนกลายเป็นจลาจลและเกิดการเผาผลาญพลังงานและสร้างไอเสียและสร้างผลกระทบอากาศใน กทม. ซึ่งการเร่งรีบก่อสร้างเช่นนี้เป็นการสะสมทุนเพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่ จึงขอกล่าวหานายกฯ ว่าได้ปล่อยให้เกิดอากาศพิษเต็มเมืองโดยไม่ได้ดำเนินการแก้ไข พล.อ.ประยุทธ์ พยายามโยนความผิดให้คนอื่น ตลอดเวลาการบริหารประเทศแบบไม่บริหารนี้เคยคิดหรือไม่ว่าประเทศเป็นอย่างไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนท้ายของการอภิปรายของ น.อ.อนุดิษฐ์ นั้นได้เชิญชวนให้ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน หยิบโทรศัพท์มือถือและเปิดไฟฉายมือถือ พร้อมส่องไปยังบนบังลังก์ที่นายกรัฐมนตรีนั่งอยู่ พร้อมกับกล่าวว่า ขอให้นายกรัฐมนตรียืนขึ้นแล้วพูดกลางสภาฯ ว่า ขอยุบสภา เพื่อให้กลับไปเลือกตั้งกันใหม่ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่นั่งฟังอยู่ในห้องประชุมยิ้ม และไม่ตอบโต้ใดๆ

ขณะที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่จัดคิวอภิปรายส่วนของนายกฯ​ นั้นยังมีกว่า 10 คน ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านจะให้อภิปรายแล้วเสร็จส่วนของนายกฯ​ภายในคืนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีตามที่ตกลงกันในการประชุมวันแรกนั้น ระบุว่าจะกำหนดให้อภิปรายเพียง 2 วัน คือ วันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ ส่วนวันที่ 26 - 27 กุมภาพันธ์​นั้นเป็นลำดับของรัฐมนตรีอีก 5 คนที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ