เฟ้นกองทุน-ทรัสต์ยิลด์สูง สู้ภาวะตลาดหมี

เฟ้นกองทุน-ทรัสต์ยิลด์สูง  สู้ภาวะตลาดหมี

ตลาดหุ้นที่ที่ปรับตัวลดลงรุนแรงในรอบ 3 ปี ทำให้หุ้นไทยเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือนตั้งเข้าสู่ปี 2563 แต่ดัชนีหุ้นไทยหายไปถึง 163.4 จุด จากดัชนีต่ำสุดของปีหรือเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 10.34 %

     ปัจจัยสำคัญที่มีผลรุนแรงและน่าจะยังอยู่กับตลาดหุ้นไทยไปจนถึงครึ่งปีแรกของปีนี้ คือ โรคระบาดโควิด-19 ไทยสถานการณ์ดีกว่าแต่ดัชนีหุ้นกลับมีการปรับฐานที่แรงกว่าตลาดหุ้นอื่น ซึ่งมองว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดหุ้นไทยมีสิทธิ์ปรับตัวลงได้อีกและยังสะท้อนความเปราะบางของตลาด เพราะหลังจากดัชนีหลุดแนวรับสำคัญทำให้มองว่าหุ้นลงไปลึกต่ำ 1,390- 1,400 จุด

     ตามการประเมินของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส – ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) หากดูการลงของดัชนี SET หลังปี 2551 พบว่าอัตราการลงที่แรงมากกกว่า - 20% หรือการเข้าสู่ตลาดหมี จะมีแค่ 3 ครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยเฉลี่ยของการลง 3 รอบใหญ่อยู่ประมาณ -22.7% โดยรอบล่าสุดดัชนีลงจากจุดสุงสุดที่ 1,850 จุดถึงปัจจุบัน 1,435 จุดหรือ -22.4% แม้จะยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่มองว่าการลงยังไม่สุด จึงมองกรณีการลงเลวร้ายที่สุดประมาณ -25%

      อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาวะการลงทุนจะอยู่ในตลาดแบบไหนก็ตาม แต่มักจะมีกลุ่มให้เลือกลงทุนและเป็นหุ้นที่เป็นทางเลือก ยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนด้วยปัจจัยลบกลุ่มหุ้นที่ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งพอทดแทนการลงทุนประเภทอื่นได้ ต้องมี กองทรัสต์ และกองอสังหาริมทรัพย์

       เฉพาะในช่วงต้นเดือนมี.ค. มีการประกาศขึ้นเครื่องหมายเพื่อรับเงินปันผล มีน่าสนใจ 3 กองทุน ประกอบไปด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ลงทุนในสิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิที่เกิดจากการให้เช่าเสาโทรคมนาคม ของกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น

        โดยได้มีการรายการจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 4 ปี 2562 อัตราหน่วยละ 0.2610 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 3 มี.ค. 2563 รวมทั้งปี 2562 ที่มีการประกาศจ่ายมาแล้ว 3 รอบ รวม 1.0335บาท ส่งผลทำให้อัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 6.2 %

        กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPNREIT ซึ่งลงทุนในลงทุนโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล ประกอบด้วยพระราม 2 -พระราม 3 -ปิ่นเกล้า -เชียงใหม่ แอร์พอร์ต -พัทยา บีช และ โรงแรมฮิลตัน พัทยา

        ประกาศจ่ายปันผลงวดไตรมาส 4 ปี 2562 ที่ 0.4060 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมายรับสิทธิปันผล 6 มี.ค. และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 20 มี.ค. 2563 รวมทั้งปี 2562 ที่มีการประกาศจ่ายมาแล้ว 3 รอบ รวม 1.6230บาท ส่งผลทำให้อัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 4.7 %

      กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับรายได้ 45 %ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิที่จัดเก็บได้จากเส้นทางในปัจจุบันของทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ตามระยะเวลา 30 ปี ประกาศปันผล 0.1163 บาท จะปิดสมุด 2 มี.ค. และกำหนดจ่าย 16 มี.ค. จากทั้งปี 2562 รวม 0.2358 บาท อัตราจ่ายปันผล 3.1 %

       นอกจากนี้มีกองทุนที่ประกาศปิดสมุดรับปันผลไปแล้ว กองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF จ่ายปันผลหุ้นละ 1.26-1.50 บาท (ขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นจากการแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือ JAS-W3 ในเดือน มี.ค.) แบ่งเป็นอัตราสูงสุด 1.50 บาท และอัตราขั้นต่ำสุดอีก 1.26 บาทกำหนดจ่ายวันที่ 21 เม.ย. และจ่ายจริง 12 พ.ค. อัตราเงินปันผล 9 %

        และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อาคารสำนักงาน จีแลนด์ หรือ GLANDDRT ลงทุนในสิทธิการเช่าพื้นที่สำนักงาน ห้องประชุม ส่วนกลาง ที่จอดรถ และงานระบบของโครงการเดอะไนน์ ทาวเวอร์ส ระยะเวลา 30 ปี และพื้นที่โครงการยูนิลีเวอร์ เฮ้าส์ 17 ปี 7 เดือน จะมีการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทรัสต์ GLANDRT แก่ CPNREIT ได้มีการหยุดการซื้อขาย 24 ก.พ. สำหรับผู้ถือหน่วยยังได้รับเงินปันผลงวดที่เหลือปี 2562 ที่ 0.278 บาท

      อย่างไรก็ตามทุกการลงทุนยังมีความเสี่ยงเนื่องจากในระยะยาวกองทุนดังกล่าวมีโอกาสได้รับผลกระทบจากผลการดำเนินในสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนลดลง ตามภาวะการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจชะลอตัว  จากโรคระบาดที่คาดว่าจะกระทบยาวไปจนถึงครึ่งปีแรก 2562 หลังจากนั้นหากสถานการณ์กลับมาดีขึ้นบวกกับเม็ดเงินงบประมาณปี 2563 ระบายได้เร็วจะทำให้ฟื้นในช่วงปลายปี