ตร.แจงยิบ คดี 'บรรยิน' เปิด 6 รายชื่อมีเอี่ยว 'ลักพาตัว'

ตร.แจงยิบ คดี 'บรรยิน' เปิด 6 รายชื่อมีเอี่ยว 'ลักพาตัว'

ผบ.ตร.สั่งออกเอกสาร แจงการติตตามคดี “บรรยิน” โยงเหตุลักพาตัว เนื้อหาระบุ ชื่อนายตำรวจที่รับผิดชอบ ผู้ต้องหา ข้อกล่าวหา และขั้นตอนทางคดี เพื่อป้องกันการข้อมูล ข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ในระหว่างที่ตำรวจ ทั้งชุดสืบสวน สอบสวนจากกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจนครบาล เร่งค้นหาเศษซากกระดูกที่จะเป็นหลักฐานทางวัตถุในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่ร่วมก่อคดีลักพาตัวพี่ชายผู้พิพากษา ศาลอาญา เพื่อใช้ต่อรองในการเปลี่ยนคำตัดสินในคดีปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้น เสี่ยชูวงษ์ โดยสื่อมวลชนได้รับข้อมูลความคืบหน้าทางคดี จากทางตำรวจผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ ระบุ หัวข้อ ผบ.ตร.นำทีมสืบสวนสอบสวนติดตามคดี “อดีตนักการเมืองเกี่ยวโยงเหตุลักพาตัว” โดยมีเนื้อหาระบุตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 17.41 น. คนร้ายจำนวนหนึ่ง ใช้กำลังประทุษร้ายเอาตัว นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 66 ปี ไปจากบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ 

ในวันเดียวกันนั้น นางสาวพนิดา ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายวีรชัยฯ ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 และได้มีการติดต่อกับกลุ่มคนร้ายทางโทรศัพท์ มีการข่มขู่ให้นางสาวพนิดาฯ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีอาญาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ตกเป็นจำเลย ให้ตัดสินคดีให้คุณประโยชน์ตกแก่จำเลย หากผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ทำตามก็จะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีก

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้นายตำรวจระดับสูง ตั้งแต่พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจนครบาล กองปราบ ร่วมกันวางแผนสืบสวนจับกุม โดยใช้กำลังตำรวจจากกองปราบ และ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ในส่วนของอำนาจการสอบสวนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบเป็นผู้รับผิดชอบ

จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า กลุ่มคนร้าย คือ พันตำรวจโท บรรยินฯ กับพวกรวมกัน 6 คน ร่วมกันวางแผนและลงมือใช้กำลังประทุษร้ายเอาตัวนายวีรชัยฯ ไปเพื่อต้องการบังคับขู่เข็ญให้ น.ส.พนิดาฯ ผู้พิพากษา ตัดสินคดีให้เป็นคุณประโยชน์กับ พันตำรวจโท บรรยินฯ ในคดีปลอมเเละใช้เอกสารสิทธิปลอมของนายชูวงษ์ แซ่ตั้ง ในการโอนหุ้นมูลค่าร่วม 300 ล้านบาท และมีกำหนดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 มีนาคม 2563

พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา และได้รับอนุมัติหมายจับ ดังนี้

1. พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 57 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 221/2563 ลง 19 กุมภาพันธ์ 2563

2. นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 222/2563 ลง 19 กุมภาพันธ์ 2563

3. นายณรงศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 223/2563 ลง 19 กุมภาพันธ์ 2563

4. ดาบตำรวจ ธงชัย วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 249/2563 ลง 23 กุมภาพันธ์ 2563

5. นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 250/2563 ลง 23 กุมภาพันธ์ 2563

6. นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 248/2563 ลง 23 กุมภาพันธ์ 2563

รวม 6 หมายจับในข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป, เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป, พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด”

ต่อมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 21 จุด ตรวจยึดของกลางจำนวน 168 รายการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนตามหมายจับข้างต้น ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งให้การรับสารภาพ นอกจากจะร่วมกันใช้กำลังเอาตัวนายวีรชัยฯไปเพื่อเรียกร้องประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้ว ยังได้ร่วมกันฆ่านายวีรชัยฯและนำศพไปเผาไฟ นำชิ้นส่วนที่เหลือจากการเผาไปทิ้งตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วย

ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องสืบสวนรวบรวม พยานหลักฐาน พยานบุคคล อย่างต่อเนื่องต่อไป รวมถึงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และสถาบันนิติเวชหากพบว่ามีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาได้ หรือพบว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดคนอื่นอีก จะเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางชุดพนักงานสอบสวนได้ นำชิ้นส่วนกระดูกจำนวนหนึ่งที่ถูกไฟเผา รวมถึงแหวน และเศษซากยางรถยนต์ที่จุดไฟเผายังไม่หมดอีกบางส่วนที่พบเจอ บริเวณ หมู่5 ต.นิคมเขาบ่อแก้ว อ.พยุหะศีรี จ.นครสวรรค์ ภายในที่ดินดังกล่าว มีเนื้อที่กว่า 1,000 กว่าไร่ 

หลังจากที่ทางตำรวจต้องใช้โดรนบินอยู่กว่า 5 วัน จึงจะพบชิ้นส่วนกระดูกเหล่านี้ โดยจากนี้ไปที่พบได้นำวัตถุพยานทั้งหมดส่งต่อไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอแล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะทราบผลว่าเป็นนายวีรชัยหรือไม่