'อนาคตใหม่' ชำแหละรัฐบาล เอื้อประโยชน์จีน

'อนาคตใหม่' ชำแหละรัฐบาล เอื้อประโยชน์จีน

อนาคตใหม่ ชำแหละรัฐบาล "ประยุทธ์" 6 ด้าน เอื้อประโยชน์จีน ไม่ปกป้องประโยชน์ประเทศ "ดอน" ยัน ไทยไม่เคยหงอให้จีน

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 63 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงบ่าย นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส. เชียงราย พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค อภิปรายว่า ขอไม่ไว้วางใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใน 6 ประเด็นคือ

1. ปัญหาล้งลำไย ราคาส่งออกลำไยจากในอดีตจนถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึง 35 บาท/กก. แต่ราคาลำไยหน้าสวนลดลงเหลือ 13 บาท/กก. เพราะนายทุนจีนที่เข้ามาครอบครองตลาดฮั๊วะกันกดราคา ไม่เพียงแค่ลำไย แต่ยังรวมถึงสับปะรด ทุเรียน และมังคุด ทั้งนี้ตนเชื่อว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรู้ แต่ไม่กล้าทำอะไร เพราะเราวางความสัมพันธ์กับจีนไว้วางไทยเป็นมด จีนเป็นราชสีห์

2.ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม โดยทุนจีนทะลักเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น 7% ดัชนีราคาคอนโดมเนียมเพิ่มขึ้น 17% เนื่องจากทุนจีนที่เข้ามาทำให้อุปสงค์เทียม และมาปล่อยเช่าให้กับชาวไทยและชาวจีน เท่ากับว่าเงินค่าที่พักที่คนจีนมาเที่ยวก็เข้ามือคนจีน โรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางก็รายได้ลดลง

3.รถไฟความเร็วสูง ที่รัฐบาลไทยเซ็น MOU กับจีนตั้งแต่ยังไม่มรีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษารายละเอียด แถมยังเขียนไว้ในจุดประสงค์ของโครงการว่าเป็นไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ทั้งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท และเมื่อการศึกษาออกมาพบว่าโครงการนี้ไม่คุ้มค่า จึงจำใจสร้างแต่ของลดสเปคจากรถไฟความเร็วสูงเป็นรถไฟรางคู่แทน เพราะรถไฟความเร็วสูงมีต้นทุนสูง และจะมีค่าบริหารสูงตามไปด้วย ประชาชนอาจเข้าไม่ถึง ส่วนการสร้างรถไฟรางคู่เพิ่มความสามารถในการเดินทางและประชาชนเข้าถึงได้ แต่จีนไม่พอใจ จนพลเอกประยุทธ์ ต้องรีบบินไปเจรจาที่จีนเมื่อมีนาคม 2559 เพราะไทยตอนนั้นไม่มีนานาชาติคบด้วย และท้ายที่สุดก็ต้องประกาศเดินหน้าโครงการนี้ต่อ และเปลี่ยนจากการร่วมทุนเป็นการที่ไทยลงทุนเองแต่กู้เงินมาจากจีน และเริ่มกู้สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงช่วงแรก 3.5 กิโลเมตร เพื่อเป็นการจองไว้

4.รัฐไทยอุ้มบริษัทค้าออนไลน์จีน โดยตอนแรกจะมีการตั้งโกดังสินค้าในไทย โดยได้รับการยกเว้นภาษีคลังสินค้า 14 วัน ทั้งที่นายทุนไทยรายเล็กรายน้อยนำสินค้าเข้าไทยมาแล้วต้องเสียภาษีแบบยกตู้คอนเทนเนอร์ทันทีที่เข้าไทย แต่ในเคสของกลุ่มทุนจีน คือไม่เก็บภาษีจนกว่าจะหยิบสินค้าเข้ามาขาย แต่ราคาไม่าเกิน 1,500 บาทไม่เสียภาษี VAT และเมื่ออาลีบาบาได้รับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ก็ย่อมทำให้บริษัทออนไลนย์ไทยก็ย่อมเสียเปรียบและแข่งขันไม่ได้

5.กรณีการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เห็นได้ว่ารัฐบาลไทยไปรับคนไทยในอู่ฮั่นได้ช้า และการไม่ระงับวีซ่า on arrival

และ 6.รวมทั้งการจัดการแม่น้ำโขงที่จีนได้สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขงและสามารถกำหนดความอยู่รอดของประเทศปลายน้ำโขง เช่น ต้นปีที่ผ่านมาแม่น้ำโขงแห้ง รัฐบาลต้องเดินทางไปอ้อนวอนให้จีนปล่อยน้ำออกมา ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดถึงความเป็นมดที่เกรงใจราชสีห์ และผลคือปัญหาภัยแล้งในประเทศไทยแทนที่รัฐบาลไทยจะเปิดโต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ อยากเห็นรัฐบาลไทยดำเนินการทูตอย่างมีศักดิ์ศรี สรุปคือตนไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่เอื้อทุนใหญ่ เอาใจทุนจีน และดำเนินความสัมพันธ์กับจีนแบบมดกับราชสีห์

ด้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวชี้แจงในประเด็นที่กล่าวหาว่ากระทรวงต่างประเทศเกรงใจราชสีห์จีนต้องเดินทางไปประเทศจีนอ้อนวอนให้ช่วยปล่อยน้ำโขงลงมา เพื่อช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งประเทศไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า การเดินทางไปประเทศจีน เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีการอ้อนวอนแต่อย่างใด แต่ไปในฐานะมิตร

เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนและไทยมีความสัมพันธ์ที่ดี เคยขอกันเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแม่น้ำโขงแล้วก็ได้ตามที่ขอ เช่น การขอไม่ให้มีการขุดลอกเกาะแก่งที่จะมีผลต่อวิถีชีวิตของชุมชนเพราะแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำแห่งวิถีชีวิตชุมชนของประเทศต่างๆ ซึ่งกรณีวันที่ 23 ม.ค.ได้กล่าวถึงภัยแล้งในประเทศไทย จึงขอให้จีนช่วยพิจารณาจะทำอะไรได้บ้างตามที่จะทำได้ ซึ่งรมว.ต่างประเทศจีนรับปากจะช่วยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา หลังจากที่ตนเดินทางกลับในวันเดียวกันถึงประเทศไทยช่วงค่ำวันที่ 23 ม.ค.ได้รับคำตอบจากจีนว่า จีนจะเพิ่มระดับการปล่อยแม่น้ำโขงมาช่วยไทย ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.เป็นต้นไป