ความเสี่ยงไวรัสโคโรนา ประกอบกับการเมืองในประเทศกดดันตลาด

ความเสี่ยงไวรัสโคโรนา ประกอบกับการเมืองในประเทศกดดันตลาด

การระบาดนอกพื้นที่จีนทำให้เริ่มเห็นการปรับประมาณการเศรษฐกิจโลก

ในภูมิภาคอื่นๆ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, อิตาลี, อิหร่าน และเริ่มมีการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในหลายประเทศ ทำให้การดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในระดับเข้มข้นจะคงอยู่ต่อเนื่องไปอีกระยะ และเป็นปัจจัยลบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2563 ล่าสุด โกลด์แมน แซคส์ ปรับลด GDP สหรัฐฯ เหลือ 1.2% (จาก 1.4%) ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงกว่า 1 พันจุด

ส่งออกม.ค.โต 3.35% แต่ดุลการค้าติดลบ การส่งออกม.ค. กลับมาฟื้นเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แต่ไม่มีส่วนช่วยต่อตลาดเนื่องจากยังไม่เห็นผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ขณะที่ดุลการค้าพลิกมาขาดดุล 1,555 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตัวเลขการส่งออกก.พ.ที่จะเริ่มเห็นผลชะลอตัว ประกอบกับการหายไปของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีโอกาสทำให้ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงปันผลและดีลซื้อขายห้าง Tesco Lotus ซึ่งจะกดดันให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ถือว่าเป็นบวกต่อกลุ่มอาหารและเกษตร อาทิ CPF, TU, STA

การปรับลดประมาณการกำไรบจ. ยังกดดันภาพระยะสั้น โดยล่าสุด คาดการณ์กำไรต่อหุ้นของ SET Index ลดลงมาอยู่ที่ 96.50 บาท/หุ้น หรือลดลงมา 6.4% YTD จากตัวเลข 103 บาท/หุ้นในช่วงต้นปี ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมาสะดุดจากการระบาดของโคโรนาไวรัส ขณะที่ในประเทศได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและงบประมาณที่ล่าช้า ทำให้หลังประกาศงบไตรมาส 4/62 ในช่วงปลายก.พ. มีโอกาสเห็นการปรับลดประมาณการกำไรของหุ้นในหลายกลุ่มลง ทั้งนี้เพิ่มความระวังในกลุ่มที่มีรายได้ค่าเช่า มีความเสี่ยงอาจต้องลดค่าเช่าเพื่อช่วยเหลือผู้ค้า/ผู้เช่าที่ อาจกระทบต่อ MBK, CPN, AWC, CPNREIG, CPNCG เป็นต้น

การเมืองมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ผลต่อเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้เกิดกระแสแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาในกลุ่มนักศึกษา ผ่านการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ (23 ก.พ.), จุฬาฯและม.เกษตรศาสตร์ (24 ก.พ.) และในวันที่ 25 ก.พ. ที่ม.มหิดล วันที่ 26 ก.พ. ที่ม.ศิลปากร ขณะที่มีแถลงการณ์จากองค์กรนักศึกษาจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับการเมือง เราประเมินมีโอกาสเห็นการปรับครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้เสร็จสิ้นลง

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัวในขาลง โดยความเสี่ยงทางลงยังคงมาจากการปรับลดผลประกอบการบจ.ลงเนื่องจากผลกระทบของโคโรนาและภัยแล้ง เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน และเลี่ยงหุ้นที่ซื้อขายด้วย PER สูง ประเมินแนวรับและกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1406-1450 จุด // หุ้นแนะนำวันนี้ CPF*, TU*

 

แนวรับ 1406 จุด / แนวต้าน : 1450 สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%.

ประเด็นการลงทุน

ทรัมป์สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดหุ้น – ประธานาธิบดี ทรัมป์ เปิดเผยผ่านทวิตว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯในขณะนี้เริ่มดูดี พร้อมระบุ สหรัฐฯ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้เป็นอย่างดี

ยกระดับ COVID-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรง –กระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้โรคติดเชื้อ COVID-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย แต่ยังไม่ได้ยกระดับการระบาดเข้าสู่ระยะ 3 เผยตั้งใจชะลอการเข้าสู่ภาวะ 3 ให้นานที่สุด

จีนเตรียมลดภาษี ค่าธรรมเนียม ช่วย SMEs – NDRC เตรียมออกมาตรการปรับลดภาษีและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มุรกิจขนาดเล็ก-กลาง เพื่อรับมือผลกระทบจากวิกฤติไวรัส COVID-19

ค่าระวางเรือ – อยู่ที่ 506 เปลี่ยนแปลง +9 หรือ +1.81%

ประเด็นติดตาม: 25 ก.พ. – ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ก.พ. / เยอรมนี รายงาน GDP ไตรมาส 4/62, 27 ก.พ. สหรัฐฯ รายงาน GDP ไตรมาส 4/62, 28.พ. – ดุลการค้าไทย เดือน ม.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)