ติดตามอภิปรายไม่ไว้วางใจนายก

ติดตามอภิปรายไม่ไว้วางใจนายก

ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีพลิกปิดบวกในช่วงท้ายตลาด หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่

ซึ่งอาจทำให้การเมืองภายในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,495.09 จุด (+3.85 จุด) Volume 5.6 หมื่นลบ. ต่างชาติ -2,776.87 ลบ. TFEX Net  +22,686 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 227.57 จุด -0.78% ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 50 เซนต์ -0.9% ปิด 53.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในจีนและในต่างประเทศ และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงกิจกรรมทางธุรกิจเดือนก.พ.ที่อ่อนแอในสหรัฐ

- มาร์กิตเผยดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐหดตัวครั้งแรกรอบกว่า 6 ปี จากพิษโควิด-19

-จีนเผยยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วประเทศเพิ่มเป็น 2,345 ราย, ยอดติดเชื้อเพิ่มเป็น 76,288 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เกาหลีใต้เพิ่มเร็วมาก รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อในโซนยุโรป

- เบเกอร์ ฮิวจ์เผยสหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นสัปดาห์ที่ 3

- IMF ลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนโตเหลือ 5.6% ปีนี้ โดยลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค. จากผลกระทบโควิด-19

+/- ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่จากกรณีกู้เงิน 191 ล้านบาท และเพิกถอนสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ทำให้สมาชิกอาจย้ายไปสังกัดพรรคฝ่ายรัฐบาล แต่ก็เกิดมีคณะ “อนาคตใหม่อภิปรายนอกสภา / พรรคพปชร.ชนะเลือกตั้งซ่อมที่จ.กำแพงเพชร

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 32,775.98 ลบ. ค่าเงินบาท 31.59 บาท/US

*จับตากระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า ส่วนสหรัฐเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. และดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.

*จับตาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ ส่วนสหรัฐเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นเดือนก.พ. และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนยังวิตกกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในไตรมาสแรกของปี ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันนี้อย่างใกล้ชิด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,480-1,500 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (TU CPF)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากกการเบิกจ่ายงบประมาณ (CK STEC SEAFCO PYLON)
  • หุ้นได้รับประโยชน์จากการประมูล 5G (SAMART INSET ITEL ALT )
  • MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนมีผล 28 ก.พ.  (BDMS BTS)

หุ้นรายงานพิเศษ

  • SPRC (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 10.05 บาท)
  • รายงานขาดทุนปี 62 ที่ 2.81 พันล้านบาท -224%YoY พลิกจากกำไร 2.26 พันล้านบาทในปี 61 เฉพาะ 4Q62 ขาดทุน 2.975 พันล้านบาท โดยบริษัทหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ใน 4Q62 เป็นเวลา 45 วัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเข้ากลั่นปี 62 ลดลงจาก 160,000 บาร์เรลต่อวันสู่ 134,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ค่าการกลั่นปรับตัวลงจาก 4.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสู่ 4.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างน้ำมันเบนซิน และส่วนต่างน้ำมันเตาปรับตัวลง และมีการบันทึกบัญชีจากการถูกโจมตีทางธุรกรรมทางอีเมล์ราว 700 ล้านบาทกดดันผลประกอบการเพิ่มเติม ซึ่งเกิดจากการชำระเงินไปยังบัญชีที่ไม่ถูกต้อง และการดำเนินการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีในการตรวจสอบหาสาเหตุ และเพิ่มระบบป้องกันภายในให้แข็งแกร่งมากขึ้น
  • ความเห็น เรามีมุมมองลบต่อผลประกอบการ 1Q63 เนื่องจากค่าการกลั่นปรับตัวลงจาก 4Q62 อีกทั้งราคาน้ำมันดิบลดลงจากต้นปี 13% สู่ 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลทำให้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบเข้ามากดดันเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามในปีนี้คาดว่าจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นอีกทั้งได้ผลบวกจากการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 165,000 บาร์เรลต่อวันสู่ 175,000 บาร์เรลต่อวัน แนะนำให้สะสมหลังประกาศผลประกอบการ 1Q63

ส่องหุ้น

           CHAYO    แนวรับ 6.75 , 6.45-6.35 บาท       แนวต้าน 7.20 , 7.45 บาท

           MITSIB    แนวรับ 1.32 บาท                        แนวต้าน 1.38 , 1.48 บาท

           CPW        แนวรับ 1.63 , 1.59-1.56 บาท       แนวต้าน 1.67-1.68, 1.74-1.75 บาท

หุ้นมีข่าว   

·      PSH Analyst Meeting  (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 16.66 บาท)

ปี 62 รายงานกำไรสุทธิ 5,359 ล้านบาท ลดลง 11% เนื่องจากรายได้โอนโครงการลดลง 11% เหลือ 4 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 35.4% จาก 35.8% ในปี 62 ขณะที่อัตราส่วนคชจ.ขายต่อรายได้รวมลดลงเหลือ 17.6% จาก 18.8% ในปี 62 ยอดขาย presale ทำได้ 3.56 หมื่นล้านบาท ลดลง 30% ยอดจองและยอดโอนในปี 62 ลดลงเนื่องจากในช่วง 4Q62 เลือนเปิดตัวคอนโดฯ 2 โครงการ มียอดยกเลิก 10% ลูกค้าเปลี่ยนใจ และขออนุมัติเงินกู้ไม่ผ่านโดยเฉพาะลูกค้าที่ซื้อบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท

ต้นปีมี backlog 2.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 12.7% ปี 63 มีแผนเปิดใหม่ 30 โครงการ มูลค่ารวม 3.6 หมื่นล้านบาท ผู้บริหารตั้งเป้ายอดจอง 3.8 หมื่นล้านบาท เป้ารายได้ 4 หมื่นล้านบาท กลยุทธ์ปีนี้เน้นสินค้าที่บริษัทมีจุดแข็งในกลุ่มทาวน์เฮาส์ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทและบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท รวมทั้งเพิ่มพอร์ตบ้านระดับราคา 5-15 ล้านบาท การระบายสต๊อกสินค้าคงเหลือล่าสุดคงเหลือ 7,739 หน่วยมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ตัดขายเศษที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ซึ่งยังเหลือ 5 แปลงมูลค่าราว 2 พันล้านบาท

ความคืบหน้าโรงพยาบาลวิมุตตามแผนสร้างรายได้ประจำในอนาคตใช้งบลงทุน 4.9 พันล้านบาท เลื่อนเปิดบริการจากปลายปี 63 เป็นปี 64  ราวเดือนเม.ย. พ.ค. เตรียมให้บริการรักษาใน 19 หมวด จำนวน 237 เตียง

ความเห็น ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะชะลอตัวส่งผลต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท  ราคาหุ้นที่ลดลง 27% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PE 5.9 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 14.2 เท่า ขณะที่มี yield 10% เหมาะถือรับเงินปันผล

·       (+) DELTA (Bloomberg Consensus 53.53 บาท)  มั่นใจยอดขายปีนี้โต 5% จากปีก่อน รับแรงหนุนการลงทุนโครงการต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องรอประเมินสถานการณ์โควิด-19 ด้วย แย้มไตรมาสแรกรับกระทบโควิด-19 ครึ่งไตรมาส แต่รับผลดีบาทอ่อน ทุ่มงบลงทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายธุรกิจในอินเดีย-ติดตั้งเครื่องจักร (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (-) กลุ่มสายการบิน ไออาต้าชี้ วิกฤติไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะทำให้สายการบินในเอเชียแปซิฟิกสูญเสียรายได้รวมกันราว 27,800 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่สายการบินนอกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะสูญเสียรายได้ 1,500 ล้านดอลลาร์ และสายการบินทั่วโลกจะสูญเสียรายได้รวมกัน 29,300 ล้านดอลลาร์ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·       (+) CPN (Bloomberg Consensus 75.37 บาท) ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน เป็นบริษัทที่ 6 ในปีนี้ โดยจะซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่ 6 มีนาคม-5 กันยายน 2563 วางเป้าหมาย 5 ปี รายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 12% ศึกษาโอกาสซื้อกิจการ ในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) GULF (Bloomberg Consensus 192.50 บาท)   บอร์ด GULF ไฟเขียวแตกพาร์จาก 5 บาท เหลือ 1 บาท เพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหุ้น ส่งผลจำนวนหุ้นเพิ่มเป็น 10,666 ล้านหุ้น จากเดิม 2,133 ล้านหุ้น สารัชถ์ย้ำชัดมีความตั้งใจให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสซื้อหุ้นดีมีพื้นฐานรองรับ ขณะที่งบปี 62 โชว์กำไรสุทธิ 4,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.4% จากปี 61 พร้อมจ่ายปันผลหุ้นละ 1.30 บาท ขึ้น XD 5 มี.ค.นี้ เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติ 8 เม.ย. 63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) CPF (Bloomberg Consensus 36.34 บาท)  โชว์ไตรมาส 4/62 ฟันกำไรสุทธิ 4,010 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 139% หนุนปี 62 อวดกำไรสุทธิ 18,456 ล้านบาท เติบโต 19% มั่นใจผลงานปีนี้ดีต่อเนื่อง เพิ่มรายได้จากการขายต่างประเทศและส่งออกเป็น 80% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ปันผลอีกหุ้นละ 40 สตางค์ ขึ้น XD วันที่ 27 เม.ย.นี้(ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) BIZ (Bloomberg Consensus - บาทโชว์งบปี 62 สุดอลังการ กำไรสุทธิ 120.67 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 6 มี.ค. 2563 บิ๊กบอส "สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์" มั่นใจปี 63 รายได้โตเท่าตัว แบ็กล็อกแน่น 1.4 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) CBG (Bloomberg Consensus 98.67 บาท)  โชว์กำไรปี 2562 พุ่ง 116.3% แตะ 2.5 พันล้านบาท จากรายได้-มาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น แถมขาดทุนจาก ICUK ลดลงขณะที่ยอดขายตลาด CLMV โตดี จัดปันผลครึ่งปีหลัง 2563 อีก 1.20 บาทต่อหุ้น จ่อออกหุ้นกู้ 5 พันล้านบาท ลุยขยายธุรกิจ (ที่มา ทันหุ้น)