'ศรีสุวรรณ' ร้อง กกต. ฟันอาญาซ้ำ 'ธนาธร' และ กก.บห. อนาคตใหม่

'ศรีสุวรรณ' ร้อง กกต. ฟันอาญาซ้ำ 'ธนาธร' และ กก.บห. อนาคตใหม่

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต. เร่งดำเนินคดีอาญา ธนาธร และกก.บห. อนาคตใหม่ หลังศาลวินิจฉัยยุบพรรค และเรียกเงินจากพรรคกว่า 181 ล้านบาท เข้ากองทุนพัฒนาการเมือง

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 63 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินการฟ้องร้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 16 คนต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรีบดำเนินการเรียกเงินจากพรรคอนาคตใหม่กว่า 181 ล้านบาทเข้ากองทุนพัฒนาการเมืองด้วย

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดเป็นเวลา 10 ปี และห้ามไปยุ่งเกี่ยวในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่นั้น ระบุไว้ชัดเจนว่าพรรคอนาคตใหม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นตาม ม.66 โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายตาม ม.72 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 โดยมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคอนาคตใหม่ทำการฝ่าฝืน ม.72 อันเป็นเหตุให้สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ตาม ม.92 วรรคสอง ประกอบ ม.92 วรรคหนึ่ง (3)

ดังนั้นจึงเป็นบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่องให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม. 124 ที่กำหนดให้เอาผิด ผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้น 5 ปี และมาตรา 125 ที่กำหนดเอาผิดพรรคการเมืองที่รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น 5 ปี และให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินมูลค่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองด้วย

นอกจากนั้น กรณีที่พรรคอนาคตใหม่มีการนำเงินรายได้ของพรรคที่ได้จากการระดมทุน การรับบริจาค ขายของที่ระลึก ซึ่งกฎหมายกำหนดห้ามนำไปใช้เพื่อการอื่นใดนอกจากการดำเนินงานของพรรคการเมืองตาม ม.87 ไปใช้หนี้เงินกู้ให้กับธนาธร โดย ม.132 กำหนดโทษไว้ว่าหากหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และเหรัญญิกพรรคผู้ใดนำเงินหรือยินยอมให้บุคคลนำเงิน ทรัพย์สินของพรรคไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่น หรือนำไปใช้เพื่อการอื่นอันเป็นการฝ่าฝืน ม. 87 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสน - 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับโดยที่การดำเนินคดีอาญานั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ในคำวินิจฉัยด้วยว่าการดำเนินคดีอาญากับนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่นั้น เสร็จสิ้นจากคณะกรรมการไต่สวนฯ ของ กกต.แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องเดินทางมาเร่งรัดให้ กกต. เร่งดำเนินคดีอาญาต่อ นายธนาธร และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเร็ว เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานต่อนักการเมืองอื่นๆ ต่อไปและหาก กกต.เพิกเฉยล่าช้าก็อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.อ.157 ด้วย