ผบ.ทสส. ส่งแพทย์เหล่าทัพ เฝ้าระวัง เชื้อโควิท-19 พื้นที่ฝึก คอบร้าโกลด์ ขอ ปชช.วางใจ
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2563 พ.อ.หญิงฉัตรรพี พูลศรี รองโฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2563 กองทัพไทยได้จัดให้มีการฝึก Cobra Gold 2020 (CG'20) ซึ่งถือเป็นการฝึกร่วมผสมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำลังพลจากมิตรประเทศเดินทางเข้าร่วมการฝึกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิท 19 (COVID - 19) และเชื้อโรคอื่นในระบบทางเดินหายใจ
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบหมายให้กองทัพไทย เตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการคัดกรอง การป้องกัน และการควบคุมที่เข้มข้น มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้การสัมผัสของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจระหว่างบุคคลที่เข้าร่วมการฝึกฯ มีโอกาสลดลง ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมการฝึกฯ มีความปลอดภัยจากโรค COVID-19
โดยให้หน่วยสนับสนุนทางการแพทย์ของ CG'20 จัดทำแผนการดำเนินการด้านการแพทย์ทหารในการฝึก ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (พ.ศ. 2556 - 2559) ของกระทรวงสาธารณสุข และคำแนะนำ แนวทางการป้องกันควบคุมโรค COVID-19 สำหรับการฝึกทางทหารนานาชาติ ตามหลักเกณฑ์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ในผู้รับการฝึก CG'20
ซึ่งมีการแบ่งมอบความรับผิดชอบตามพื้นที่การฝึก ได้แก่ กองบัญชาการกองทัพไทย รับผิดชอบ พื้นที่กรุงเทพฯ โดย สำนักงานแพทย์ทหาร กรมยุทธบริการทหาร และพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดย กองแพทย์ สนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
ขณะที่ กองทัพบก โดย กรมแพทย์ทหารบก รับผิดชอบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ได้แก่ จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย และ จ.ลพบุรี ,กองทัพเรือ โดยกรมแพทย์ทหารเรือ รับผิดชอบ พื้นที่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี ,กองทัพอากาศ โดย กรมแพทย์ทหารอากาศ รับผิดชอบพื้นที่ จ.พิษณุโลก และ จ.นครราชสีมา รับผิดชอบโดย กองบิน 1 และกองทัพสหรัฐอเมริกา รับผิดชอบกำลังพลฝ่ายสหรัฐฯ
พ.อ.หญิงฉัตรรพี กล่าวต่อว่า สำหรับการเฝ้าระวังกำลังพลจากมิตรประเทศ ก่อนเดินทางเข้าร่วมการฝึกในประเทศไทยนั้น ได้มีการตรวจสอบประวัติและคัดกรองกำลังพลที่มาเข้ารับการฝึก โดยมีใบกำกับสุขภาพของกำลังพลจากประเทศต้นทางที่เข้าร่วมการฝึก และทำการฉีด Infuenza Vaccine ล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทางมายังประเทศไทย รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโรค COVID-19 และสุขอนามัยส่วนบุคคลระหว่างเดินทางเข้าประเทศไทยและการคัดกรองตามมาตรฐานของด่านควบคุมโรค ณ ช่องทางเข้าออก
โดยหากพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคจะเข้าสู่การแยกกัก และตรวจโรคตามแนวทางของกรมควบคุมโรค หากไม่มีอาการเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จึงจะอนุญาตให้เข้าที่พักได้ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบการฝึกได้จัดเตรียมที่พักไว้เฉพาะ ไม่ให้ปะปนกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น และไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมการฝึกออกนอกพื้นที่การฝึก หรือสถานที่พักที่จัดไว้ให้โดยไม่จำเป็น โดยได้กำหนดการควบคุมการเข้า - ออก ของผู้เข้ารับการฝึกและเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งจัดชุดทางการแพทย์ตรวจคัดกรองประจำวัน วันละ 2 ครั้ง รวมทั้งจัด Sanitary Station โดยมีเครื่องวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย ทุกพื้นที่เข้า - ออกและจัดเตรียมหน้ากากป้องกัน (N95) สำหรับผู้ที่เข้าข่ายสงสัย
โดยการจำกัดขอบเขตพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ปิดสำหรับบุคคลในการเข้า - ออก แบ่งเป็น 2 พื้นที่ คือพื้นที่การฝึก และพื้นที่พัก โรงแรม โดยจัดเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันและฆ่าเชื้อในทุกจุดที่มีการเข้า - ออก และจัดชุดทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสร่วม ตามห้วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรค COVID-19 และสุขอนามัยส่วนบุคคล อีกด้วย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กองทัพไทยได้มีการจัดตั้งกองอำนวยการเพื่อติดตามสถานการณ์และการดำเนินการป้องกันโรค COVID-19 และรายงานสถานการณ์ประจำวันให้ผู้บังคับบัญชา ทราบตลอดห้วงเวลาการปฏิบัติ โดยหากพบกำลังพลที่เข้ารับการฝึกเข้าข่ายมีการบ่งชี้ หรือต้องสงสัย หน่วยแพทย์ที่รับผิดชอบจะดำเนินการคัดแยกกลุ่มเสี่ยงออกจากกำลังพลส่วนใหญ่ โดยให้สวมใส่หน้ากากป้องกัน (N95) และนำเข้าสู่พื้นที่กักกัน และประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อนำส่งโรงพยาบาลที่ติดต่อไว้ตามสัญญาประกันสุขภาพ หรือโรงพยาบาลที่กรมควบคุมโรคแนะนำ โดยจัดรถพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่สวมใส่อุปกรณ์เฉพาะในการป้องกันเพื่อส่งต่อผู้ที่เข้าข่ายหรือแสดงอาการติดเชื้อโรค COVID-19 เพื่อดำเนินการตามมาตรการ ต่อไป
กองทัพไทย ขอยืนยันความพร้อมในมาตรการการตรวจคัดกรอง ป้องกัน และการเฝ้าระวังที่เข้มข้นตลอดห้วงการฝึก Cobra Gold 2020 โดยจะใช้ทุกศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่พี่น้องประชาชนชาวไทยและมิตรประเทศ อันเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของประเทศไทยในการใช้มาตรการทางการแพทย์ที่เป็นสากลเพื่อให้การฝึกในครั้งนี้มีความปลอดภัย และลดความเสี่ยงของโรค COVID-19 ต่อไป