เลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ย้ำเล่นตามกติกาศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เผยมีทีมชี้แจงหากถูกพาดพิงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มองการอภิปรายนอกสภาเป็นเรื่องปกติมีในทุกสมัย ถามกลับฝ่ายค้านหากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายชี้แจงได้เป็นที่ยอมรับ จะยกมือโหวตให้หรือไม่

วันนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการสัมนาของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีการช่วยเหลือกันอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันเชื่อมั่นว่าผู้ที่ถูกอภิปรายจะสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ขอให้ไปดูในวันอภิปรายว่าจะชี้แจงอย่างไร

ส่วนมติก็เป็นไปตามมติพรรค ทั้งนี้หากการอภิปรายมีการพาดพิงถึงพรรคจะมีทีมชี้แจงอยู่แล้ว นำโดยนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อาสามาดูเรื่องระเบียบข้อบังคับ

ทั้งนี้ มั่นใจว่าหากประชาธิปัตย์มีมติพรรคออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าสมาชิกทุกคนมีวินัย และที่ผ่านมาส.ส.ของพรรคไม่เคยแตกแถวในเรื่องการโหวตลงมติต่างๆ ส่วนมติจะออกมาเมื่อไหร่นั้น คาดว่าจะเป็นช่วงก่อนการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาในทุกรัฐบาลอยู่แล้ว และยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามมติพรรคและทุกคนต้องปฎิบัติตาม

ส่วนการอภิปรายนอกสภานั้น มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีในทุกสมัย ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมถามกลับฝ่ายค้านว่าหากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายชี้แจงได้เป็นที่ยอมรับ ฝ่ายค้านจะยกมือโหวตให้หรือไม่ ตนจึงขอท้ากลับในเรื่องนี้ สำหรับกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ขอให้ไปถามนายกรัฐมนตรีเอง เรื่องนี้ตนตอบไม่ได้ หากวันไหนตนมีอำนาจค่อยมาถามตน ในส่วนประชาธิปัตย์ไม่มีแรงกระเพื่อมแน่นอน

นอกจากนี้เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้แสดงความเห็นถึงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่และตั้งเป็นคณะอนาคตใหม่ ที่มีการเตรียมเคลื่อนไหวนอกสภาว่า อะไรที่ทำแล้วไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ทั้งหมด แต่หากทำแล้วผิดก็ต้องดูว่าผิดแค่ไหน และเจ้าหน้าที่รัฐจะดำเนินการอย่างไร ตนอยากเห็นทุกคนอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะกฎหมายต้องไม่บังคับใช้แค่บางคนหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องใช้กับทุกคนในประเทศ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องต้องคุยกันด้วยเหตุด้วยผล แต่ถ้าความเคลื่อนไหวทำแล้วไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ทุกคน

ส่วนการเคลื่อนไหวของคณะอนาคตใหม่จะเป็นมูลเหตุความขัดแย้งครั้งใหม่หรือไม่นั้น ตนมองว่าคนไทยไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว ภาพที่เกิดความวุ่นวาย ภาพที่เศรษฐกิจถอยหลัง แต่คนไทยอยากเห็นว่าภาพประเทศจะเดินหน้าอย่างไร จะกินดีอยู่ดีอย่างไร และผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้อย่างไร แต่ร้อยคนก็ร้อยความคิด จะให้ทุกคนคิดเหมือนกันไม่ได้ แต่ตนก็ต้องการให้ทุกคนอยู่ในกรอบของกฎหมาย