“วชิรบารมี” อำเภอต้นแบบตามสโลแกน “ทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”
อำเภอต้นแบบที่นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์สุขกับคนในพื้นที่
หากพูดถึงเรื่องความเป็นอยู่ของชุมชน ถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่หลายๆคนจะต้องช่วยกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน ซึ่งในปัจจุบันหลายพื้นที่ยังคงประสบปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง ปัญหาความขัดแย้ง ปัญหายาเสพติด ฯลฯ การที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ให้หมดไป ประการแรก ต้องเริ่มต้นจากคนในชุมชนก่อน โดยการสร้างความสามัคคีเพื่อให้เกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ช่วยเหลือกัน และนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชุมชน ประการต่อมา หน่วยงานของภาครัฐต้องเข้าไปให้การสนับสนุนให้ความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อผลักดันให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“อำเภอวชิรบารมี” จังหวัดพิจิตร เป็นอีกหนึ่งอำเภอต้นแบบที่การันตีด้วยรางวัลอำเภอดีเด่นระดับประเทศ โดยชื่ออำเภอที่ได้รับพระราชทานจากพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และยังเป็น 1 ใน 12 อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ที่กรมการปกครอง ได้ดำเนินจัดกิจกรรม 10 โครงการนำร่องต้นแบบ “10 Flagships for DOPA Excellence 2020” โดย ธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง มอบนโยบายในการทำงานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้สโลแกน “ทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”
โดย 10 โครงการนำร่องต้นแบบ ได้แก่ 1.โครงการจิตอาสาพระราชทาน 2. การขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3. การปกป้องเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ 4. งานสัญชาติและสถานะบุคคล 5. การเสริมสร้างหมู่บ้านเข้มแข็ง (แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง) 6. อำเภอคุณธรรม 7. อำเภอมั่นคง (เสริมสร้างความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงภายในทุกมิติ) 8. อำเภอสีขาวปลอดยาเสพติด 9. อำเภอสะดวก (ยกระดับการบริการประชาชน) 10. อำเภอดำรงธรรม (ยกระดับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ)
คนในชุมชนอำเภอวชิรบารมี ได้มีการน้อมนําศาสตร์พระราชาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนในพื้นที่ โดยมีหมู่บ้านชุมชนต้นแบบ ได้แก่ หมู่บ้านทับเกวียนทอง เป็นหมู่บ้านเทิดพระเกียรติ โดยมีผู้นำหมู่บ้าน เป็นแกนนำในการผลักดันให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ และมีคณะกรรมการหมู่บ้านที่สามัคคีและเข้มแข็ง
เมื่อย้อนกลับไปในอดีตของหมู่บ้านทับเกวียนทอง ชาวบ้านหลายคนขาดทุนจากการทำเกษตร แต่จากการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ชาวบ้านก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ในปัจจุบัน แต่หมู่บ้านทับเกวียนทองก็ไม่เคยรับความเดือดร้อนจากปัญหานี้เลย เพราะมีธนาคารน้ำใต้ดิน ที่ทำหน้าที่เก็บกักน้ำไว้ใต้ดินในช่วงฤดูที่น้ำฝนมีปัญหาน้ำล้นน้ำท่วม และสามารถนำน้ำมาใช้ในฤดูแล้งได้
“หมู่บ้านที่ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน เขาไม่เคยเดือดร้อนออกมาโวยวาย ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาเดือดร้อน คือ บริเวณที่มีแม่น้ำ เวลาถึงฤดูแล้งแม่น้ำแห้ง ซึ่งเกิดจาก 1 ฤดูแล้งฝนก็ไม่ตก 2 การบริหารจัดการน้ำ แต่ของเราไม่มีแม่น้ำ เราหาวิธีเก็บน้ำลงใต้ดิน เวลาต้องการใช้ ใช้วิธีเจาะบ่อบาดาล ต้นทุนเราแพงกว่า แต่เราไม่มีความเดือดร้อน เราสามารถดูแลหมู่บ้านของเราได้” สุภัทร จันทวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านทับเกวียนทอง ได้เผยถึงประโยชน์จากโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน
นอกจากโครงการธนาคารน้ำใต้ดินแล้ว ยังมีหลายโครงการที่หมู่บ้านทับเกวียนทองได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เช่น โครงการอนุรักษ์โคและกระบือ คือการรวบรวมโคและกระบือ โดยมีบัญชีควบคุม ดูแล รักษา แจกจ่ายให้ยืม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเกษตรและเพิ่มปริมาณโคและกระบือ นอกจากนี้มูลของโค-กระบือ ชาวบ้านยังได้นำไปตากแห้ง นำมาทำเป็นปุ๋ยและขายเสริมรายได้ให้กับชาวบ้าน อีกทั้งยังสามารถเอามูลสดไปทำแก๊สชีวภาพใช้ในครัวเรือน เป็่นการลดค่าใช้จ่ายจากการซื้้อแก๊สหุงต้มตามท้องตลาดที่มีราคาแพงไปได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าหมู่บ้านทับเกวียนทอง ได้มีการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับจุดแข็งและจุดอ่อนของหมู่บ้าน ทั้งนี้การจะทำให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็งได้ ชาวบ้านในหมู่บ้านจะต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อความมั่นคงและยั่งยืน
ในอำเภอวชิรบารมี แม้จะอยู่ห่างจากแม่น้ำใหญ่แต่ก็มี คลองวังพยอม บ้านคุยกระชาย ตำบลวังโมกข์ ซึ่งเป็นคลองที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันกว่า 1,500 ครัวเรือน ปัจจุบันมีการแพร่ขยายของผักตบชวาจำนวนมาก จึงได้มีการทำกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเตรียมแหล่งน้ำช่วยเหลือบรรเทาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง และพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อไว้สำหรับกักเก็บในช่วงฤดูฝน ตลอดจนมีการระบายน้ำที่ดี และยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการสืบสาน รักษาต่อยอด ตามโครงการจิตอาสาพระราชทานอีกด้วย
นอกจากนั้น ในเรื่องคุณธรรมของอำเภอวชิรบารมี หมู่บ้านดงกลาง ก็เป็นอีกหนึ่งในหมู่บ้านตามหลัก อำเภอคุณธรรม เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวรูปแบบวิถีชุมชน โดยพื้นที่ของชุมชนมีศักยภาพเหมาะสมทั้งในด้านทรัพยากร มีคลองข้าวตอกเป็นคลองธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และผู้คนที่อยู่อาศัยมีความสามัคคีกันภายในชุมชน ทำให้สามารถที่จะขับเคลื่อนในด้านการท่องเที่ยวระดับท้องถิ่น ให้ก้าวขึ้นไปสู่การท่องเที่ยวระดับจังหวัดได้
นอกจากนี้ชุมชนยังมีกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรมอีกอย่างหนึ่งคือ การตักบาตรทางน้ำ ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมานาน ถือกันว่าเป็นการสร้างบุญกุศล และรำลึกถึงบรรยากาศในอดีตที่มีอยู่ในชุมชน และยังเป็นกิจกรรมเพื่อประโยชน์ในการรักษาน้ำอีกด้วย
ทั้งหมดที่เรานำเสนอนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอต้นแบบที่ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้และได้ผลลัพธ์คือทำให้ประชาชนหรือคนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยังเป็น1 ใน 12 อำเภอตามภารกิจกรมการปกครอง 10 โครงการนำร่องต้นแบบในปี 2563 หรือ 10 Flagships for DOPA Excellence 2020 ที่มุ่งสร้างอำเภอในฝันให้แก่ประชาชน ภายใต้นโยบายของอธิบดีที่ว่า “หน้าที่ของฝ่ายปกครองคือทำให้ประชาชนทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”