‘ซีพีเอฟ’ โชว์กำไรไตรมาส 4 โต 139%

‘ซีพีเอฟ’ โชว์กำไรไตรมาส 4 โต 139%

“ซีพีเอฟ” โชว์กำไรไตรมาส 4 โต 139% แตะระดับ 4 พันล้าน หนุนทั้งปีกวาดกำไรรวมกว่า 1.84 หมื่นล้าน ด้าน บอร์ดบริษัท เคาะจ่ายปันผลเพิ่มอีก 0.40 บาท ส่งผลทั้งปีจ่ายรวม 0.70 บาท มั่นใจปีหน้าผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานยอดขายไตรมาส 4 ปี 2562 จำนวน 140,794 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2% แต่หากไม่นับรวมผลกระทบจากการแปลงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ จะเพิ่มขึ้น 9% โดยมีรายได้จากกิจการต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 67% และรายได้จากกิจการประเทศไทย 33% ของรายได้จากการขายรวม

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ  กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัท สำหรับไตรมาส 4 ปี 2562 อยู่ที่ 4,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีของต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม

ในปี 2562 ที่ผ่านมานั้น ธุรกิจมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงินที่มีความผันผวน โรคระบาด ASF ในสุกรที่ทำให้ปริมาณสุกรในโลกลดลง 

อย่างไรก็ดี บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิของปี 2562 อยู่ที่ 18,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากการปรับตัวดีขึ้นของกิจการในหลายประเทศ โดยเฉพาะผลการดำเนินงานของเวียดนามในไตรมาส 4 ปี2562 ที่ผ่านมา

สำหรับปี 2563 บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากภาวะปริมาณสุกรขาดตลาดโดยเฉพาะในประเทศจีนและเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสุกรในหลายพื้นที่อยู่ในระดับสูงกว่าปี 2562  ซึ่งการเติบโตในอนาคต บริษัทมีกลยุทธ์มุ่งเน้นการเติบโตและขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากการขายในต่างประเทศและส่งออกเป็น 80% ของรายได้จากการขายรวมในอีก 5 ปีข้างหน้า 

โดยบริษัทมี 3 แนวทางกลยุทธ์ในการดำเนินงานได้แก่ การเพิ่มมูลค่าตลอดห่วงโซ่คุณค่าโดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน การปรับเปลี่ยนให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงโดยเทคโนโลยีดิจิตัล และ การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่านการสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 ก.พ.2563 ได้มีมติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าว บริษัทได้มีการจ่ายครั้งแรกเป็นเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้วในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2562 คงเหลือเป็นเงินปันผลจ่ายครั้งที่สองในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท 

โดยเป็นการจ่ายจากกำไรส่วนที่ได้หักผลขาดทุนทางภาษี ซึ่งผู้รับเงินปันผลต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร แต่ผู้รับเงินปันผลที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ในการนี้ คณะกรรมการบริษัทได้เสนอให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลครั้งที่สองเป็นวันที่ 28 เม.ย.2563 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 19 พ.ค.2563