'สนธิรัตน์' ชง กพช.ปรับโครงสร้างน้ำมัน จ่อลดลิตรละ 50 ส.ต.

'สนธิรัตน์' ชง กพช.ปรับโครงสร้างน้ำมัน จ่อลดลิตรละ 50 ส.ต.

กพช.ถก19 มี.ค.นี้เคาะแผนสถานีชาร์จไฟฟ้า-กำหนดอัตราชาร์จหวังกระตุ้นตลาดรถอีวี ดันปรับโครงสร้างน้ำมันหน้าโรงกลั่นฯ 50 สตางค์ต่อลิตรทำราคาขายปลีกลด

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)วานนี้(21 ก.พ.)ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมพื้นที่ติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า(EV Mapping) ให้ครอบคลุมพื้นที่ชุมชน  ถนนสายหลักระหว่างเมือง สำหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น หรือรองรับการเดินทางจากเมืองสู่เมือง เบื้องต้นจะกำหนดระยะห่างแต่ละสถานีฯ ทุกช่วง 50-70 กิโลเมตร เพื่อแก้ไขการติดตั้งแบบกระจุกตัวเฉพาะในเขตเมือง

โดยจะเปิดให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สามารถยื่นขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2563 ได้ เพื่อให้มีจำนวนสถานีเพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นผู้ใช้รถ EV และกระตุ้นตลาด EV ในภาพรวม

รวมทั้ง เห็นชอบผลการศึกษาอัตราค่าไฟฟ้าและการจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า(Charging Station)ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)นำเสนอ โดยเป็นอัตราค่าไฟฟ้าแบบคงที่ตลอดทั้งวัน หรือ เป็นราคาขายส่ง เป็นระยะเวลา 2 ปีปัจจุบันมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า 520 แห่ง หรือ 805 หัวจ่าย

ส่วนการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับระบบขนส่งสาธารณะ(Mass Transit)นั้นกกพ.ขอขยายเวลาศึกษาออกไป  เพื่อหวังนำไปสู่การปรับลดอัตราโดยสารรถไฟฟ้าสาธารณะทุกประเภท ส่วนการศึกษาแนวทางนำปริมาณสำรองไฟฟ้ามาใช้เป็นส่วนลดต้นทุนค่าไฟฟ้านั้น เบื้องต้นพบว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยแผนดังกล่าวจะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ พิจารณาอนุมัติต่อไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม กบง. ยังรับทราบผลการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม(กลุ่มย่อย) ที่เป็นการประชุมระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ซึ่งได้ข้อยุติเบื้องต้น เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ในส่วนของราคาหน้าโรงกลั่นฯ โดยปรับลดค่าพรีเมียมโรงกลั่น (ค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างทาง ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน) ที่เป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของราคาหน้าโรงกลั่นลดลงได้ 50 สตางค์ต่อลิตร

โดยจะนำข้อสรุปดังกล่าวเสนอต่อคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม(ชุดใหญ่) ที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ก่อนเสนอ กบง.ต้นเดือน มี.ค. นี้ และเสนอ กพช. ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เพื่ออนุมัติต่อไป ซึ่งจะมีผลสะท้อนไปยังราคาขายปลีกน้ำมันลดลงทันที 50 สตางค์ต่อลิตร เนื่องจากเป็นการปรับตามต้นทุนโครงสร้างราคาน้ำมัน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุม กบง. ได้เห็นชอบร่างแผนด้านพลังงานสำคัญ 4 แผนที่ได้ปรับปรุงใหม่ คือ ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561 - 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP 2018 Rev.1),ร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561 – 2580 (AEDP 2018),ร่างแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2561 -2580 (EEP 2018) และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2561 -2580 (Gas Plan 2018)

โดยมีสาระสำคัญ คือ ยังคงเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ไว้ตลอดแผน 20 ปี อยู่ที่ 56,431 เมกะวัตต์ ทำให้การกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้นในปี 2580คงเดิมที่ 77,211 เมกะวัตต์ แต่จะปรับเปลี่ยนแผนการจ่ายไฟฟ้าของโรงฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโรงไฟฟ้าหลักที่ใช้ฟอสซิล เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก