ธอส.ช่วยคนจนแก้หนี้ เว้น ‘ดอกเบี้ย' กลุ่มปรับโครงสร้างหนี้

ธอส.ช่วยคนจนแก้หนี้ เว้น ‘ดอกเบี้ย' กลุ่มปรับโครงสร้างหนี้

"ธอส."เล็งงดเก็บดอกเบี้ย- เบี้ยปรับ  กลุ่มปรับโครงสร้างหนี้ 2 หมื่นราย วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เป็นเวลา 1ปี   เริ่มเดือนเม.ย.นี้  วางเงื่อนไขเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่ตั้งใจประนอมหนี้  พร้อมเล็งขายหนี้เสียอีก 5 พันล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนจะเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนกว่า 2 หมื่นราย คิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ลูกหนี้กลุ่มนี้สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติและกลับมาเป็นลูกหนี้ที่ดี โดยลูกหนี้กลุ่มนี้จัดอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียจำนวน 5 หมื่นล้านบาท 

ทั้งนี้ ตามแผนธนาคารจะงดเว้นการคิดอัตราดอกเบี้ย และให้ลูกหนี้ดังกล่าวจ่ายเฉพาะเงินต้นเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เงินต้นโดยรวมลดลง ถือเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้ลูกหนี้กลุ่มนี้มีกำลังใจในการชำระหนี้ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์การปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารที่ต้องการรักษาบ้านให้กับลูกหนี้ ไม่ใช่เพื่อยึดบ้านของลูกหนี้ ขณะที่ธนาคารก็จะได้เงินต้นคืนด้วย

 “ที่ผ่านมา เราปรับโครงสร้างหนี้ โดยที่ยังคิดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับด้วย โดยเบี้ยปรับของการผิดนัดชำระหนี้ตามกฎหมายแล้วจะอยู่ในระดับสูงถึง 13.5%  เมื่อลูกค้านำเงินมาชำระหนี้ก็จะมีส่วนเบี้ยปรับด้วย ทำให้เงินต้นไม่สามารถลดลงได้มากนัก ดังนั้น เราจึงมีแผนจะปรับให้ลูกหนี้จ่ายเฉพาะเงินต้น โดยตัดทิ้งภาระดอกเบี้ยปรับสะสม และแขวนดอกเบี้ยไว้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวจะต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนำเสนอเข้าสู่บอร์ดธนาคารเพื่อพิจารณาอีกครั้ง”

 เขากล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบที่จะทำให้ลูกหนี้กลุ่มอื่นปฏิบัติตาม หรือ Moral Hazard ทางธนาคารจะกำหนดกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มใด เช่น เป็นกลุ่มที่ปรับโครงสร้างหนี้มาแล้วกี่ปี วงเงินจำนวนเท่าใด มีประวัติการชำระหนี้เป็นอย่างไรบ้าง เป็นต้น 

“เงื่อนไขเบื้องต้นของลูกหนี้ที่จะสามารถเข้าโปรแกรมนี้ได้ คือ ต้องเป็นผู้มีรายได้น้อย และมีความตั้งใจที่จะประนอมหนี้ ทั้งนี้ คาดว่าโปรแกรมนี้จะสามารถใช้ได้ในเดือนเม.ย.นี้ โดย การปรับโครงสร้างหนี้ในกลุ่มดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะลดปัญหาหนี้เสียของธนาคารได้ ซึ่งปัจจุบันระดับหนี้เสียของธนาคารอยู่ที่ 4.05% ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับ 4.3% และตั้งเป้าสิ้นปีนี้ลดเหลือ 3.8% โดยมีแผนขายหนี้เสียอีกราว 5 พันล้านบาทหรือ 10%ของหนี้เสียรวม 5 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการขายให้แก่รายย่อยทั้งหมด 

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ที่มีปัญหาในอดีตนั้น  ลูกหนี้จ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ยทั้งหมด ทำให้ลูกหนี้บางรายกลับมาเป็นหนี้เสียอีกครั้ง แต่โปรแกรมการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่นี้ อย่างน้อยธนาคารจะได้รับเงินต้นคืน ส่วนดอกเบี้ยค่าปรับที่สะสมมาเนื่องจากลูกหนี้ผิดนัดนั้น จะตัดทิ้งทั้งหมด ขณะเดียวกันดอกเบี้ยปกติที่จะเกิดขึ้นหลังจากปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะแขวนไว้ชั่วคราว อาจเป็น 12 เดือน ,18 เดือน หรือ24 เดือน เพื่อให้เงินงวดที่จ่ายหลังปรับโครงสร้างหนี้ ไปตัดเงินต้นให้ลดลงเร็วขึ้น