บอร์ด สสว.อัดหมื่นล้านช่วยเอสเอ็มอี ลดผลกระทบ'โคโรน่า'

บอร์ด สสว.อัดหมื่นล้านช่วยเอสเอ็มอี ลดผลกระทบ'โคโรน่า'

บอร์ด สสว.คลอดมาตรการช่วยเอสเอ็มอีเผชิญ ศก.ขาลง – โควิด 19 อัดฉีดหมื่นล้านปล่อยกู้-เพิ่มวงเงินค้ำประกันเป็น 40% เล็งชงครม.เพิ่มสัดส่วนค้ำประกันเพิ่ม

นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า สสว.ได้ปรับประมาณการการเติบโตของเอสเอ็มอีในปี2563ลงเหลือ2.7% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้3.5% สาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ที่จะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีสัดส่วนผู้ประกอบการสูงถึง 58% 

ทั้งนี้ที่ประชุมอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีประกอบไปด้วย 4 มาตรการหลักรวมวงเงิน 10,665 ล้านบาท ได้แก่ 1.การจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กรอบวงเงินงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ภายใต้มาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2563  แบ่งดำเนินงานเป็น 2 ส่วนได้แก่ การสนับสนุนงบประมาณโครการ บสย. SMEs สร้างไทย

โดย สสว. จ่ายเงินสมทบในการจ่ายค่าประกันชดเชยให้กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลืออุดหนุน SMEs ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี โดยให้เป็นเงินสมทบในการจ่ายค่าประกันชดเชยให้ บสย. ในอัตรา 10% ส่วน บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยในอัตรา 30% รวมเป็นค่าประกันชดเชย 40% ทั้งนี้จะมีผู้ประกอบการที่ได้รับความช่วยเหลือไม่น้อยกว่า 70,000 ราย

“หากต้องมีการเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันเป็น 50% ก็อาจจะเพิ่มงบประมาณหรือลดจำนวนปีที่ค้ำประกันลง โดยจะต้องนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อไป”

อีกส่วนคือโครงการสนับสนุน SMEs รายย่อย ผ่านกองทุน สสว. วงเงิน 5,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการที่จะได้รับการสนับสนุน ไม่น้อยกว่า 4,890 ราย แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ บุคคลธรรมดา วงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บาท นิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี

นอกจากนี้ที่ประชุมฯยังอนุมัติโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ทำการค้าระหว่างประเทศ (FX Option) เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย วงเงิน 450 ล้านบาท