กทพ. - บีอีเอ็ม ถอนฟ้องคดีวันนี้ เตรียมเริ่มสัญญาใหม่ 1 มี.ค.63

กทพ. - บีอีเอ็ม ถอนฟ้องคดีวันนี้ เตรียมเริ่มสัญญาใหม่ 1 มี.ค.63

กทพ.ลงนามขยายสัมปทานทางด่วน “บีอีเอ็ม” เดินหน้าถอนฟ้องวันนี้ “บีอีเอ็ม” มั่นใจถอนฟ้องจบทุกคดีภายใน 29 ก.พ.63 ยันไม่กระทบสัญญาใหม่ ด้าน “สุรงค์” เผยหากถอนฟ้องไม่ทัน เล็งงดจ่ายส่วนแบ่งรายได้ชั่วคราว

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า วานนี้ (20 ก.พ.) เวลาประมาณ 16.45 น. นายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการ กทพ.ฝ่ายปฏิบัติการ รักษาการแทนผู้ว่าการ กทพ. เป็นตัวแทน กทพ.ลงนามสัญญาร่วมกับตัวแทนของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีอีเอ็ม) ในการแก้ไข 2 สัญญาเพื่อขยายสัมปทานทางด่วนแลกกับการยุติข้อพิพาท 17 คดี ซึ่งประกอบไปด้วย สัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) และสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน – ปากเกร็ด (ฉบับแก้ไข)

อย่างไรก็ดี การลงนามสัญญาดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เห็นชอบการแก้ไขสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 และสัญญาโครงการทางด่วนสายปางปะอิน-ปากเกร็ด เพื่อทำให้ข้อพิพาทระหว่างกันยุติลงทั้งหมด และจะไม่มีการนำมาฟ้องกันอีกในอนาคต โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะดำเนินการถอนฟ้องข้อพิพาททั้งหมดที่มีอยู่ 17 คดีมูลค่ารวม 5.8 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ก.พ.นี้ เพื่อเริ่มสัญญาใหม่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2563 เป็นระยะเวลาสูงสุดอยู่ที่ 15 ปี 8 เดือน ไปสิ้นสุดสัญญาพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค.2578

โดยสัญญาฉบับแก้ไขนี้ จะมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องจากสัญญาเดิมที่สิ้นสุดลง แต่มีเงื่อนไขระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องถอนฟ้องทุกคดีให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งภายหลังลงนามสัญญานี้ กทพ.จะเร่งประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมนำมติ ครม.และหนังสือลงนามในสัญญาขยายสัมปทานใหม่ไปดำเนินการถอนฟ้องโดยเร็วที่สุด โดยจะเริ่มต้นขั้นตอนถอนฟ้องในวันนี้ (21 ก.พ.) เป็นต้นไป แม้ว่าจะเหลือเวลาในการถอนฟ้องอีกประมาณ 8 วัน ก่อนสัญญาจะสิ้นสุดลง แต่ กทพ.ก็มั่นใจว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และไม่เป็นปัญหากระทบสัญญาใหม่

“การเจรจาในช่วงที่ผ่านมา เรายืนยันว่าเป็นการเจรจาที่โปร่งใส มีกระทรวงการคลัง และตัวแทนจากหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยตรวจสอบทุกขั้นตอน โดยเราเล็งเห็นว่าหากจะสู้คดีต่อไปก็มีโอกาสสูงที่จะแพ้คดี และทำให้ประเทศเสียหายเพิ่มขึ้นกว่า 3 แสนล้านบาท และสังคมก็จะมีคำถามว่าทำไมเราไม่ยุติข้อพิพาทและเจรจาให้ยุติในวันนั้น ตอนนี้จึงอยากให้สังคมเข้าใจ ว่าเราทำเพื่อประเทศ”

158219967677

นายสุรงค์ ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากมีการลงนามสัญญาครั้งนี้แล้ว การพัฒนาโครงการของ กทพ.ในอนาคต จะไม่มีข้อจำกัดเรื่องการสร้างทางแข่งขันอีกแล้ว โดยรัฐบาลจะสามารถสร้างทางได้ทุกแห่ง ซึ่งปัจจุบัน กทพ.มีแผนที่จะพัฒนาทางขึ้นลงหน้าสถานีกลางบางซื่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ทาง อีกทั้ง กทพ.ยังได้รับมอบหมายให้ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรทั้งระบบ ส่วนโครงการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) ครม.ได้สั่งการให้ทำการศึกษาความเหมาะสม และกลับมาเสนออีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ กทพ.มีความมั่นใจว่า ขั้นตอนของการถอนฟ้อง 17 คดี ซึ่งประกอบไปด้วย คดีที่อยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด 2 คดี คดีที่อยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 2 คดี และคดีที่อยู่ในขั้นอนุญาโตตุลาการอีก 13 คดี จะมีการถอนฟ้องแล้วเสร็จทั้งหมดทันเป้าหมายวันที่ 29 ก.พ.นี้ แต่หากเกิดกรณีถอนฟ้องไม่ทัน และทำให้สัญญาไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ กทพ.ก็จะเจรจากับบีอีเอ็ม โดยอาจใช้วิธีให้อีบีเอ็มบริหารโครงการไปก่อน แต่จะไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้ จนกว่าสัญญาจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

ด้านนางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีอีเอ็ม) กล่าวว่า มั่นใจว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะถอนฟ้องทุกคดีภายใน 29 ก.พ.นี้แน่นอน และสัญญาสัมปทานใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค เป็นต้นไป ส่วนกรณีคำถามที่ว่า หากมีปัญหาถอนฟ้องไม่ทันนั้น ขณะนี้ยังไม่ขอตอบคำถามเนื่องจากเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้น หากมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ตนจะให้ข้อมูลและแนวทางอีกครั้งในวันที่ 28 ก.พ.นี้