เล็งจัด 'ซัมมิทสมัยพิเศษโคโรน่า' ขึ้นกับสถานการณ์เหมาะสม

เล็งจัด 'ซัมมิทสมัยพิเศษโคโรน่า' ขึ้นกับสถานการณ์เหมาะสม

"รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน" สมัยพิเศษ ถกแนวทางป้องกัน "โคโรน่า" ขยายวงสู่ประชุมสธ.อาเซียน-จีน แลกเปลี่ยนประสบการณ์พัฒนาวัคซีนรักษาโรค เร่งรัดสถานการณ์ให้ดีขึ้น ก่อนรายงานความคืบหน้าต่อผู้นำแต่ละประเทศ เล็งจัดประชุมซัมมิท พิจารณาตามไทม์ไลน์เหมาะสม

ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จัดขึ้นที่เวียงจันทน์  ประเทศลาว ได้เสร็จสิ้นลง  นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ร่วมกับนายสะเหลิมไซ กมมะสิด รัฐมนตรีต่างประเทศลาว ในฐานะประเทศเจ้าภาพ และนายธีโอโดโร ล็อกซิน รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ในฐานะประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-จีน ได้แถลงข่าวร่วมกันว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการระลึกถึงภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้น โดยอาเซียนและจีนต้องร่วมมือกันฝ่าฟันความท้าทายในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่สะท้อนถึงแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก 

อาเซียนและจีน มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวกันและกัน โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างกันกว่า 65 ล้านคน และจีนยังเป็นผู้ค้าที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน ดังนั้นอาเซียนตระหนักถึงความแน่วแน่และเข้มแข็ง ของจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใสและมีความรับผิดชอบอย่างสูงของจีน ในการแบ่งปันข้อมูลอย่างทันท่วงที 

ทั้งนี้ อาเซียนขอชมเชยความพยายามของจีนที่ได้ปกป้องความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภูมิภาค และเชื่อมั่นในความสามารถของจีน จะมีชัยชนะกับการต่อสู่การแพร่ระบาด ซึ่งจีนซาบซึ้งในน้ำใจ และการสนับสนุนจากอาเซียน และอาเซียน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิต และเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งสรรเสริญบุคลากรทางการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และบุคลากรอื่นๆ ได้ทำงานอย่างกล้าหาญ 

158218622492

"ขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและประชาคมระหว่างประเทศ เคารพข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลก รวมไปถึงให้การสนับสนุนสนับสนุนประเทศที่ระบบสาธารณสุขเข้มแข็งน้อยกว่า ต่อสู้กับเฟคนิวส์ แบ่งปันข้อมูลแก่องค์การอนามัยโลก และประชาคมโลก” นายหวัง อี้กล่าว 

ที่ประชุมได้เห็นว่า ประเทศสมาชิกต้องตระหนักถึงความสำคัญแนวทางป้องกัน และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อรายงานการดำเนินการยังผู้นำของประเทศนั้นๆ และอาจจะมีการจัดประชุมผู้นำสมัยพิเศษเรื่องโคโรน่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เหมาะสม ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นว่า ควรให้มีการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายผ่านกลไกการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน-จีน ตลอดจนเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการพัฒนาสาธารณสุขอาเซียน-จีน เพื่อดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจด้านสาธารณสุขระหว่างกันให้มากขึ้นเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ประสบการณ์ ฝึกอบรมบุคลากร จัดการประชุมปฏิบัติการอาเซียน-จีน ในด้านบุคลากรเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินสาธารณสุข เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างศูนย์ควบคุมโรคในประเทศต่างๆของภูมิภาค โดยให้ดำเนินงานผ่านกองทุนอาเซียน-จีน ด้านสาธารณสุขร่วมกัน

อีกทั้ง ให้จัดการประชุมย่อยระหว่างประชุมอาเซียน-จีน ครั้งที่3 ที่จะมีขึ้นในปี 2563 เพื่อหารือในเชิงลึกถึงการป้องกันและควบคุมโรคไวรัสโคโรน่ารวมถึงแบ่งปันข้อมูลอย่างทันท่วงที ทำแนวปฏิบัติด้านเทคนิค แนวทางการป้องกัน ควบคุมและการวินิจฉัยโลก การรักษาเฝ้าระวัง ร่วมมือในการวิจัย และพัฒนายารักษาโรค และวัคซีนป้องกันโรค 

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นประโยชน์จากปีแห่งการร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน-จีน ซึ่งต้องการให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดได้ขยายความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งมั่นลดผลกระทบการแพร่ระบาดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศ จะต้องเร่งดำเนินการแนวทางเหล่านี้ เพื่อให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคืบหน้าของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด