สมาคมนกแอ่น วอนรัฐเปิดทางขายรังนก ในไชน่าทาวน์ทั่วโลก

สมาคมนกแอ่น วอนรัฐเปิดทางขายรังนก ในไชน่าทาวน์ทั่วโลก

สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจ นกแอ่น ชี้โควิด-19 ทำลาดรังนกอัมพาต ราคาตก-หลังนักท่องเที่ยวจีนหาย-หวั่นตรวจเข้มตลาดใต้ดิน วอนรัฐช่วยเปิดทางขายไซน่าทาวน์ทั่วโลกราคาจูงใจแสนบาท/ ต่อกิโลกรัม

     นายกมลศักดิ์ เลิศไพบูลย์ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจรังนกแอ่น (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อราคารังนกบ้านที่ยังไม่ล้าง ของไทยลดลงต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อกิโลกรัม จากปกติรังนกบ้านของไทยขายผ่านผู้ซื้อชาวจีนราคาอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาทต่อกิโลกรัม หรือตันละ 20-30 ล้านบาท หากเก็บมาล้างตามมาตรฐานที่ผู้ซื้อกำหนดราคาจะเพิ่เป็น 4-6 หมื่นบาทต่อกิโลกรัม หรือตันละ 40-60 ล้านบาท ซึ่งช่องทางจำหน่ายรังนกบ้าน จะจำหน่ายผ่านผู้ซื้อคนจีน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ที่ส่งผลให้ตลาดรังนกบ้านเติบโตอย่างต่อเนื่อง

     ทั้งนี้ปี 2562 รังนกบ้านสามารถเก็บได้ประมาณ 10 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 1 หมื่นกิโลกรัมต่อเดือน หรือปริมาณ 120 ตัน หรือ14.4 ล้าน กิโลกรัมหรือหากคิดมูลค่ารังนกล้างราคาจะอยู่ประมาณ 5-7.2 พันล้านบาท โดยมีบ้านนกประมาณ 1 หมื่นหลังทั่วประเทศ เติบโตประมาณ 100% จากปี 2561 ที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายรองรับต้องซื้อขายและประกอบอาชีพใต้ดิน แต่ การเลี้ยงรังนกบ้านตอนนี้กระจายไปเกือบ 50 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดที่มีการเลี้ยงกันมาก ได้แก่ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคอีสาน ไม่ใช่ภาคใต้แล้ว

     “ตลาดรังนกบ้านของไทยเติบโตตามตลาดนักท่องเที่ยวจีน เพราะรังนกบ้านไม่สามารถส่งออกอย่างถูกต้องตามกฏหมายได้ ที่ผ่านมาผู้เลี้ยงนกแอ่นจะจำนหน่ายผ่านนักท่องเที่ยว เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 จีนสั่งผิดประเทศ ตรวจเข้มด้านต่างๆ ส่งผลให้ตลาดส่งออกผ่านระบบใต้ดิน นักท่องเที่ยวหิ้วกลับกลายเป็นอัมพาต ในตลาดประเทศจีนก็ขายไม่ได้เพราะคนจีนไม่กล้าออกจากบ้าน ผู้เลี้ยงยังหาทางออกไม่ได้เช่นกัน เพราะต้องยอมรับว่าตลาดรังนกบ้านของไทยยังไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่สามารถส่งออกยังประเทศอื่นๆได้”

     นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2563 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เชิญผู้ประกอบการเข้าหารือร่างกฏหมายลูก เพื่อหารือรายละเอียด หลัง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฉบับแก้ไขใหม่ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2562 และมีผลบังคับใช้วันที่ 29 ธ.ค. 2562 แต่เหลือเพียงขั้นตอนของกฏหมายลูกที่จะทำให้การเลี้ยงนกแอ่นบ้าน เก็บรังนกบ้านมีใบอนุญาต และถูกต้องตามกฏหมาย สามารถส่งออกไปยังประเทศอื่นๆนอกเหลือประเทศจีนได้

     สำหรับปัญหาของรังนกบ้าน จีนส่งสัญญานมายังประเทศไทยนานมาก ตั้งแต่สมัยที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป้นนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก้เร่งดำเนินการเพื่อแก้กฏหมาย ทำข้อตกลงกับจีน แต่เรื่องทั้งหมดขั้นตอนการทำช้าที่กระทรวงทรัพย์ฯที่จะออกกฏหมายลูก เพื่อให้รังนกไทยสามารถหาตลาดใหม่ๆได้ แต่ร่างกฏหมายลูกล่าสุดเท่าที่สมาคมหารือกับกระทรวงทรัพย์ฯ คงต้องมีการแก้ไขร่างกฏหมายฯ และยืดระยะเวลาออกไปอีกซึ่งไม่รู้เวลาแน่นอน

     “หากรัฐบาลทำให้รังนกบ้านสามารถมีใบอนุญาตส่งออก ทางสมาคมมองตลาดหลักที่จะทดแทนตลาดจีนได้คือไชน่าทาวน์ในทั่วโลกที่ยังมีความต้องการรังนกอยู่มาก ราคาหากส่งไปจะสูงขึ้นหลายเท่า อย่างไซน่าทาวน์ในสหรัฐอเมริกา รังนกของไทยขายได้ไม่ต่ำกว่าราคา 1 แสนบาท/ก.ก. ซึ่งสมาคมมองว่าหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายเชื่อว่า ความเข้มงวดตามด่านต่างๆของจีนยังจะมีเพิ่มขึ้น เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยโควิด-19”

     อย่างไรก็ตามการขายตลาดใต้ดินกับจีน คาดว่าไม่น่าจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมา กฏหมายจีนค่อนข้างหนัก หากจับได้ว่ามีการหิ้วเข้าประเทศ จะติดคุกทันที และก็มีหลายคนที่ติดคุกจากการหิ้วรังนกไทยเข้าประเทศจีน