มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ชูไทย 'ฮับเอเชีย' เปิดเกมรุกดันธุรกิจโตสวนปัจจัยลบ

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ชูไทย 'ฮับเอเชีย' เปิดเกมรุกดันธุรกิจโตสวนปัจจัยลบ

ท่ามกลางความยากลำบากของธุรกิจการค้าในประเทศไทยและทั่วโลกจากปัจจัยเสี่ยงรุมเร้ารอบ เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ "มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา" ประกาศความมั่นใจในกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจฝ่าวิกฤติสร้างการเติบโตสวนตลาด!

แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2562 ต่อเนื่องปี 2563 ยังคงชะลอตัว!! จากเครื่องยนต์หลักทั้งภาคการส่งออก และอัตราการบริโภคภายในประเทศอยู่ในสภาพ "ถดถอย" สถานการณ์การค้าเผชิญความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) แต่ภาพรวมของตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศในประเทศไทยมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท กลับขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% ทั้งในกลุ่มเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ และกลุ่มที่พักอาศัย โดยยักษ์ใหญ่ "มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา" โกยรายได้เติบโต 7% ในปี 2562 และมั่นใจว่าในปี 2563 จะผลักดันธุรกิจเติบโตได้ถึง 8% 

ยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยลบต่างๆ เพื่อปรับตัวก้าวทันสถานการณ์ โดยบริษัทแม่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจในประเทศไทยซึ่งตลาดศักยภาพ ในฐานะศูนย์กลาง (ฮับ) แห่งภูมิภาคเอเชีย ที่มีการเติบโตได้อีกมาก

"เศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอนทำให้การค้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่เราพร้อมฝ่าฟันอุปสรรค พลิกวิกฤติเป็นโอกาสสำหรับ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผ่านนวัตกรรมสินค้ารองรับปัญหาฝุ่นละออง อากาศเป็นพิษ และการเฝ้าระวังดูแลสุขภาพในขณะนี้" 

ในปี 2563 มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ครบรอบ 100 ปี แห่งการประกอบการ วางนโยบายมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั่วโลกด้วยการยกระดับภาพลักษณ์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสู่แบรนด์ด้าน "เทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต” เพื่อให้บรรลุยอดขายไม่ต่ำกว่า "5 ล้านล้านเยน" ด้วยวิสัยทัศน์ "Changes for the Better" หรือ "การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า" เป็นหลักยึดของธุรกิจในทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจก้าวสู่ปี 48

พร้อมกันนี้จัดสรรงบกว่า 1,000 ล้านบาททำการตลาดเชิงรุกในปีนี้ โดยมีสินค้าใหม่ 3 กลุ่มเรือธง เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลม มุ่งเน้นนวัตกรรมประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอากาศสะอาด ตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก รับสถานการณ์ฝุ่นละอองและดีมานด์ผู้บริโภคในขณะนี้! 

ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อกระจายสินค้าเข้าถึงลูกค้าอย่างรวดเร็วในทุกพื้นที่ยังเป็นหัวใจสำคัญของ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค รองรับแผนขยายฐานลูกค้าทั่วประเทศ! โดยได้ลงทุนเปิดศูนย์กระจายสินค้า "มิตซูบิชิ อีเล็คทริค สมาร์ท ฮับ" จังหวัดลำปาง พื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. ครอบคลุมการให้บริการ 12 จังหวัดในเขตภาคเหนือ ซึ่งอนาคตจะมีการขยายในภูมิภาคต่างๆ  โดยหวังผลให้ผู้บริโภคได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้นและมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกด้าน รวมถึงบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งร้านค้าผู้แทนจำหน่าย โมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต โครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และยกระดับการบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย

ขณะเดียวกัน "บิ๊กดาต้า" จะถูกนำมาใช้วิเคราะห์ ประยุกต์ไปกับ "ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง" เพื่อสื่อสารเจาะตรงลูกค้าเป้าหมายและพัฒนาโปรดักท์ตอบรับความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น มีการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผ่าน "สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง" ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง  พาร์ทเนอร์พรีเซ็นเตอร์ "โป๊ป–ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ" ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวความเชื่อมั่นที่มีต่อคุณภาพของเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผ่านภาพยนตร์โฆษณา แนวคิด "ชัดเลยว่าดี การันตีเลยว่าใช่ เชื่อในสิ่งที่ใช่"

ส่งฟังก์ชันฟาสต์คูลลิ่งดันตลาดโต

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาการดำเนินงานในปี 2562 ซึ่งกำลังซื้อและสภาวะเศรษฐกิจไทย "ชะลอตัว"  สำหรับ มิตซูบิชิ อีเล็คทริคพบว่า เครื่องปรับอากาศภายในบ้านและปั๊มน้ำ ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศใหม่พร้อมฟังก์ชันพิเศษ "Fast Cooling" เย็นเร็วทันใจในปุ่มเดียว และฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter ประสิทธิภาพสูงที่ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอนด้วยประจุไฟฟ้า

และจากข้อมูลสำรวจแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่พบว่า ผู้บริโภคกว่า 50% ยังคงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ เป็นที่มาของผลประกอบการเติบโตเหนือตลาดนั่นเอง 

ยกระดับบริการหลังการขาย

ประพนธ์ กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้เดินหน้ายกระดับการบริการหลังการขาย รวมถึงพัฒนาช่องทางการติดต่อ ผ่าน Hot Line 1325 เพื่อสร้างมาตรฐานและประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยมแก่ผู้บริโภค ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ในปี 2563 จะใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาศักยภาพศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ด้วยการขยายสาขาศูนย์บริการแต่งตั้งมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ครอบคลุมพื้นที่ใหม่ๆ ทั่วประเทศ รวมไปถึงศูนย์บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ "สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ" ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในหัวเมืองใหญ่ๆ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี และนครศรีธรรมราช และมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึง และสะดวกมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งขยายเวลาการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและปัญหาการใช้งานผลิตภัณฑ์ผ่าน Hot Line1325 โดยเปิดให้คำปรึกษาในเวลา 08.30-19.00น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ พร้อมเปิดให้บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ประเภทด่วนพิเศษ "Express Team Service" ภายใน24ชั่วโมง หลังจากได้รับการแจ้งซ่อมจากลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยทีมช่างเทคนิคพร้อมอุปกรณ์และอะไหล่ที่ได้มาตรฐานจาก มิตซูบิชิอีเล็คทริค

พร้อมกันนี้ยังได้คิดค้นระบบ "Smart Service Tool" เครื่องมือพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตรวจเช็คอาการผิดปกติของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ระบบอินเวอร์เตอร์โดยเฉพาะ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านMobileApplication

ส่งสินค้า 3 กลุ่มบุกตลาดปีนี้

ทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคที่ "ใส่ใจ" ในทุกองค์ประกอบมากขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จึงทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดมากขึ้น

บริษัทจึงมุ่งเน้นการทำตลาดแบบ Business-to-Consumer หรือ B2C ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นการขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ รวมไปถึงต่างจังหวัดตามการเจริญเติบโตของระบบสาธารณูปโภค อาทิ ร้านค้า โรงแรม โดยได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ (Mr.Slim R32INVSeries)ที่มาพร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานระดับสูงรวมถึงการเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต

สำหรับ สินค้าใหม่ 3 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ อินเวอร์เตอร์ รุ่น JS Series และรุ่น KS Series (Happy Inverter) เพิ่มความเย็นเร็วทันใจกับระบบ Fast Cooling เทคโนโลยีเพื่อความเย็นเร็วภายในปุ่มเดียว ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยรีโมทคอนโทรลที่สามารถแสดง Error Code เพื่อช่วยในการตรวจสอบอาการผิดปกติเบื้องต้นของเครื่องปรับอากาศได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นนอกจากนี้ ยังมีฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน ด้วยประจุไฟฟ้า ทำให้ได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ (เฉพาะรุ่น GR Series และเป็นอุปกรณ์เสริมในรุ่น JS Series, KS Series)

เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม รุ่นใหม่ ใช้สารทำความเย็น R32 พร้อมเพิ่มขนาดใหม่ 13,000 BTU ในรุ่น PLY, PCY และPEY Series พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานระดับสูง

ตู้เย็น 3 ประตู รุ่น Smart FreezeGlass Edition ระบบ Neuro Inverter สวยหรูด้วยบานกระจกนิรภัย พร้อมเทคโนโลยี Supercool Chilling เก็บรักษาความสดของอาหารโดยไม่เป็นน้ำแข็ง สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมปรุงอาหารได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาทำละลาย ประหยัดพลังงานด้วยระบบ Neuro Inverter, ตู้เย็น 2 ประตูรุ่น FC Series ระบบ Neuro Inverter ดีไซน์ใหม่ เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บอาหารได้มากกว่าเดิม ด้วยขนาดความจุเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ลิตร และตู้เย็น 1 ประตู รุ่น J Smart Defrost มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมการทำงานด้านนอกตัวเครื่อง ทำให้สะดวกในการใช้งานพัดลมเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม กับปลั๊ก 3 ขาใหม่ที่มีสายดินป้องกันไฟดูดหากเกิดไฟรั่ว พร้อมกล่องเหล็กครอบสวิตซ์ ป้องกันการลุกลามไฟ มั่นใจ ปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คำนึงถึง และถือเป็นกลยุทธ์หลักในปีนี้ที่จะมุ่งสร้างประสบการณ์และรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการในปีงบประมาณ 2562 (สิ้นสุด 31 มี.ค.2563) มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 15,500 ล้านบาท เติบโต 7% เหนือตลาด!! ขณะที่ปี 2563 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 16,700 ล้านบาท ขยายตัวสูง 8% สวนปัจจัยลบทั้งหมด!!  ปักธงยืนหนึ่งครองแชมป์เครื่องปรับอากาศ และแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจ