หมด 'ปีทอง' ลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า เสี่ยงเข้าสู่ 'ภาวะหมี'

หมด 'ปีทอง' ลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า เสี่ยงเข้าสู่ 'ภาวะหมี'

“โบรกเกอร์” มองปีทองของ “หุ้นโรงไฟฟ้า” หมดแล้ว แม้นักลงทุนกระหน่ำเทขาย กดราคาหุ้นร่วงแรง แต่ยังมีความเสี่ยงลงได้อีก จากที่ผ่านมาราคาพุ่งสูง แถมผลประกอบการบางบริษัทออกมาต่ำกว่าคาด “บล.ทิสโก้” ชี้มีสัญญาณขาลงชัดเจน เริ่มเข้าสู่ภาวะหมี

ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าวานนี้ (19 ก.พ.)  ปรับตัวลดลงถ้วนหน้า  นำโดยบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ลดลง 3.50 บาทหรือ 6.31% มาอยู่ที่ 52.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,314 ล้านบาท, บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ลดลง 4.00 บาท หรือ 5.28% มาอยู่ที่ 71.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,507 ล้านบาท, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ลดลง 9.00 บาท หรือ 4.79% มาอยู่ที่ 179.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,162 ล้านบาท และบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ลดลง 2.25 บาท หรือ 4.71% มาอยู่ที่ 45.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 991 ล้านบาท

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ร่วงแรง น่าจะเกิดจากแรงเทขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงของนักลงทุน หลังภาวะตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจับลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ การระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นกลุ่มแรกๆที่จะถูกขายเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับขึ้นสูงในช่วงก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ประเมินว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงที่จะปรับลดลงได้อีก ตราบใดที่ภาวะตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงที่ปรับตัวลดลงอยู่ เชื่อว่าปีนี้ไม่ใช่ปีทองของหุ้นโรงไฟฟ้าแล้ว คงยากที่จะเห็นราคาหุ้นกลับไปเด้งแรงเหมือนปีที่ผ่านมา  เพราะสภาวะที่เคยเอื้อต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าเริ่มน้อยลง นักลงทุนที่อยากจะเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงนี้ ต้องพิจารณาภาวะของตลาดประกอบด้วย จึงไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน

“หุ้นโรงไฟฟ้าผมไม่เคยพูดว่าถูกหรือแพง ตีความยาก ขึ้นอยู่ว่ามองปัจจุบันหรืออนาคต ส่วนที่ถามว่าราคาหุ้นลดลงมามากแล้ว น่าลงทุนหรือยังนั้น เชื่อว่าภาพตลาดใหญ่ยังไม่สามารถเดินหน้าไปได้ เพราะอัพไซด์น้อยและยังมีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ จึงทำให้หุ้นโรงไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงที่จะลงได้อีก เพราะหุ้นกลุ่มนี้มักอ่อนไหวกับข่าวลบ”

ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง เชื่อว่าเกิดจากราคาหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ปรับตัวเกินปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการบางบริษัทออกมาต่ำกว่าที่คาด

ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าเริ่มมีสัญญาณขาลงที่ชัดเจนขึ้น เพราะที่ผ่านมาหุ้นหลายตัวในกลุ่มปรับตัวลดลงมากกว่า 20% ซึ่งสะท้อนการเข้าสู่สภาวะหมีแล้ว หลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาหุ้นโรงไฟฟ้าเป็นช่วงขาขึ้นมาโดยตลอด ทำให้ราคาหุ้นหลายตัวในปัจจุบันขยับขึ้นมาเกินปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันราคาหุ้นโรงไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงแรง แต่บางตัวราคาหุ้นก็ยังสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่ให้ไว้ และอาจยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงได้อยู่ จนกว่าจะมีการรับรู้โครงการใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม

“กลุ่มโรงไฟฟ้าเรายังให้น้ำหนักเท่าตลาด หรือ หลีกเลี่ยง เพราะหุ้นในกลุ่มหลายตัวยังสูงกว่าที่เราประเมินไว้ และแม้บางตัวจะปรับตัวลดลงกว่าที่เราประเมิน แต่อัพไซด์ก็ยังไม่มากนัก อย่างไรก็ตามต้องรออัพไซด์ที่เปิดกว้างกว่านี้ก่อน เราถึงปรับคำแนะนำ”