Selective Buy

Selective Buy

คาดดัชนีจะสลับดีดตัวได้จากแรงซื้อหุ้นรายตัวเพื่อดักผลประกอบและปันผลปี 2019 ที่กำลังทยอยประกาศจนถึงปลายเดือนก.พ.

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ทรุดตัวลงแรง -13.57 จุด (-0.89%) ปิดที่ 1,513 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ยังคงถูกแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covic-19 และจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ประกอบกับสภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงสู่ 1.5 – 2.5% ยิ่งเป็นลบต่อดัชนีอีกด้วย ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม Etron, Petro และ Cons ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,444 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 453 ล้านบาท อีกทั้ง Net Short TFEX 1,022 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลาง - ลบคาด SET Index อ่อนตัวลงทดสอบ 1,505 - 1,510 จุดก่อนจะสลับดีดตัว จากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covic-19 จะเป็นตัวฉุดให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวลงส่งผลให้ทิศทางการลงทุนยังคงเป็นภาวะ Risk off และเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 1,600 US รวมถึงพันธบัตรสหรัฐจนเกิด Inverted yield curve ในพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี กับ 3 เดือนอีกครั้งซึ่งป็นสัญญาณเตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต นอกจากนี้ Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง 5 วันรวม 7 พันลบ.จะเป็นแรงกดดันด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนีจะสลับดีดตัวได้จากแรงซื้อหุ้นรายตัวเพื่อดักผลประกอบและปันผลปี 2019 ที่กำลังทยอยประกาศจนถึงปลายเดือนก.พ.

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD , KTC ) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • กลุ่มพลังงาน (TOP, SPRC) อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก
  • กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA)  Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า
  • หุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลปี 2019 ในระดับสูง TISCO, SIRI, LH และ NYT

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BEM (ปิด 11 ซื้อ/เป้า 12 บาท) ได้ข่าวดี ครม.มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาสัมปทานทางด่วนให้กับ BEM ออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาทกับการทางพิเศษฯ ปลดล็อก Over hang ให้กับ BEM เพราะสัญญาณสัมปทานทางด่วนเดิมจะหมดอายุสัญญาในวันที่ 28 ก.พ.นี้ หากไม่ได้รับการต่อสัญญาจะกระทบรายได้ BEM อย่างมีนัยสำคัญเพราะทางด่วนส่วนนี้สร้างรายได้ให้ BEM  คิดเป็น 50-60% ของรายได้รวม
  • KTC (ปิด 42.25 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA consensus 49) คาดมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ส่งผลบวกต่อ KTC มากกว่าลบโดยเฉพาะการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต ทำให้ค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองในงบกำไรขาดทุนลดลงช่วยหนุนกำไรให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้เพิ่มเพราะยังสามารถคิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs ได้

บทวิเคราะห์วันนี้

DTAC (ปิด 41.75 ซื้อ/เป้า 67), MAJOR (ปิด 22.7 ซื้อ/เป้า 28)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ดาวโจนส์ลดลง 166 จุด หลังแอปเปิลลดเป้ายอดขายกังวลผลกระทบจากการแพร่ระบาดของของไวรัสโควิด- 19: บริษัทแอปเปิล อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “แอปเปิล” ออกมายอมรับว่า รายได้ของบริษัทในช่วงเดือนเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท มีแนวโน้มที่จะออกมาต่ำกว่าเป้าจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  เนื่องจากโรงงาน iPhone ในจีนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราวจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาลจีน ปัจจัยนี้คาดว่าจะกระทบไปยังบริษัทเทคโนโลยีอื่นที่มีฐานการผลิตในจีนและคาดว่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปยัง Supply chain อื่นๆ ทั่วโลก (ไทย คาดว่าจะกระทบต่อสายการผลิตของ HANA เนื่องจากมีฐานลูกค้าหลักเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และสื่อสารในประเทศจีน)
  • (+) ครม.มีมติขยายสัมปทานทางด่วน 15 ปี 8 เดือนให้กับ BEM เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทกับการทางพิเศษ: ครม.มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาสัมปทานทางด่วนให้กับ BEM ออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 17 คดี มีมูลค่าข้อพิพาทรวมกว่า 1.3 แสนล้านบาท นับเป็นข่าวดีและเป็นการปลดล็อก Over hang ให้กับ BEM โดยเฉพาะสัญญาณสัมปทานทางด่วนซึ่งกำลังจะหมดสัญญาในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เพราะหากไม่ได้รับการต่อสัญญาอาจกระทบต่อรายได้ของ BEM อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากทางด่วนส่วนนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับ BEM ประมาณ 50-60% ของรายได้รวมต่อปีและสร้าง EBITDA ให้กับบริษัทประมาณ 70%
  • (+/-) จับสัญญาณอุณภูมิการเมืองในประเทศ วันศุกร์นี้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่: วันศุกร์ที่ 21 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยต่อคำร้องที่ กกต. ยื่นคำร้องขอให้ศาลฯวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปล่อยเงินกู้ให้พรรคตัวเองจำนวน 191.2 ล้านบาท ซึ่งอาจผิดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตราที่ 72 ซึ่งห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำตัดสินของศาลฯในวันศุกร์นี้ถือว่ามีนัยต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศพอสมควร โดยเฉพาะหากตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่อาจทำให้อุณหภูมิการเมืองในประเทศร้อนแรงขึ้นจากการแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินรวมไปถึงการเล่นเกมส์นอกสภา