โควิด-19 ยิ่งยื้อ ต้องตั้งรับอย่างมีสติ

โควิด-19 ยิ่งยื้อ ต้องตั้งรับอย่างมีสติ

สถานการณ์การแพร่รระบาดของโควิด-19 สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกอย่างมาก ตอกย้ำกับสถานการณ์ล่าสุดนายหลิว จือ หมิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ชาง เมืองอู่ฮั่น เสียชีวิตจากโรคนี้ ดังนั้นสิ่งสำคัญในขณะนี้ คือสติและไม่ประมาท รวมถึงต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

คณะกรรมการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีนรายงานตัวเลขล่าสุดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 พบว่าทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตรวม 1,868 คน ผู้ติดเชื้อ 72,436 คน แม้ถือว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าวันก่อน แต่สิ่งที่ช็อกคนทั่วโลกคือ โควิด-19 ได้คร่าชีวิตนายหลิว จือ หมิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ชาง เมืองอู่ฮั่น นับเป็นนายแพทย์ระดับผู้อำนวยการคนแรกที่เสียชีวิต คล้อยหลังข่าวร้ายเมื่อปลายสัปดาห์ที่มณฑลหูเป่ย์พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 14,000 คน ในวันเดียว ทำสถิติเป็นการเพิ่มขึ้นรายวันสูงที่สุด นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด

ก่อนหน้านี้มีบุคลากรทางการแพทย์ในจีนเสียชีวิตมาแล้ว 6 ราย สะท้อนให้เห็นว่าในเมืองจีนวันนี้ระดับความรุนแรงของไวรัสพันธุ์ใหม่ยังรุนแรง ขณะเดียวกันการรับมือรักษาและอุปกรณ์จำเป็นกำลังขาดแคลน ไม่ว่าหน้ากากอนามัยหรือชุดป้องกัน ที่สำคัญจำนวนแพทย์ไม่เพียงพอกับยอดผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นมหาศาล หลายคนทำงานหนักจนติดเชื้อและบางรายเสียชีวิต นอกจากนี้ในต่างประเทศ ทั้งญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ประเทศที่ระบบการแพทย์ก้าวหน้าและทันสมัย ยังพบว่าระดับการแพร่ระบาดอยู่ในขั้นที่ 3 เทียบเท่าประเทศจีน ยิ่งสร้างความหวาดวิตกให้กับทั่วโลก

ยิ่งมีข่าวผลวิจัยใหม่ๆ อ้างพบไวรัสที่ปนเปื้อนบนสิ่งของอาจมีอายุในอากาศนานถึง 9 วัน บางกระแสระบุว่าระยะฟักเชื้ออาจยาวนานถึง 24 วัน ไม่ใช่ 14 วัน ยิ่งทำให้บรรยากาศหดหู่ไปตามๆ กัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ทั่วโลกต้องระดมความช่วยเหลือประเทศจีน เชื่อว่าจีนเองวันนี้ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือทั้งหลาย ไม่ว่าด้านอุปกรณ์ บุคลากร รวมทั้งการยกเลิกกำแพงภาษี ผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจแบบไม่มีข้อแม้กระทั่งสงครามการค้า เห็นได้จากล่าสุดจีนยกเว้นภาษีสินค้าอุปกรณ์การแพทย์จากสหรัฐ ยังมีสินค้าเกษตร เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ถั่วเหลือง อาหารทะเลแช่แข็ง และสินค้ากลุ่มพลังงาน

สำหรับประเทศไทยผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากตั้งแต่ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รายได้เข้าประเทศคือการท่องเที่ยวที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 12 ล้านคนต่อปี คิดเป็นเงิน 5.8 แสนล้านบาท เมื่อจีนห้ามคนเดินทางจึงมีผลกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ตัวเลขการเติบโตหรือจีดีพีหายไปไม่น้อยกว่า 1% ทำให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักวิจัยเอกชน พร้อมใจกันปรับลดจีดีพีปีนี้เฉลี่ยอาจไม่ถึง 2%

เราเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวสิ่งสำคัญคือสติและไม่ประมาท เราเห็นว่าสัญญาณอันตรายยังสะท้อนออกมาในรูปแบบการปรับตัวของภาคเอกชนหลายแห่งประชุมวางแผนธุรกิจใหม่ อย่างห้างไอคอนสยามและห้างสรรพสินค้าในเครือ ทั้งสยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่และสยามเซ็นเตอร์ รีบจับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน ไทยเที่ยวไทยคือไทยเท่ รับมือการหยุดชะงักของนักท่องเที่ยวลูกค้าชาวจีน ส่วนคนไทยวันนี้ ต้องติดตามข่าวสารโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต แต่ไม่ควรตื่นตระหนก จนไม่ออกจากบ้าน