กำไร ‘กลุ่มปตท.’ ร่วงแรง 24% ธุรกิจปิโตรเคมี-โรงกลั่นฉุด ‘พีทีทีอีพี’ โตสวน

กำไร ‘กลุ่มปตท.’ ร่วงแรง 24% ธุรกิจปิโตรเคมี-โรงกลั่นฉุด ‘พีทีทีอีพี’ โตสวน

กลุ่มปตท.ปี 62 คาดกำไรสุทธิ 1.64 แสนล้านบาท ลดลง 24.34% เหตุขาดทุนสต็อกน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมี-โรงกลั่นฉุด ด้านบล.'ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี' คาดปี 63 กำไร 1.78 แสนล้านบาท โต 14% เชื่อปีนี้ไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวดี

ผลการดำเนินงานปี 2562 กลุ่มปตท. จำนวน 6 บริษัทคาดว่ามีกำไรสุทธิ 164,330.04 ล้านบาท ลดลง 24.34 % จากปี 2561ที่มีกำไรสุทธิ 217,202.92 ล้านบาท ประกอบด้วย บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) มีกำไรสุทธิ 48,802.53 เพิ่มขึ้น 34.79%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 36,206.29 ล้านบาท ,บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) มีกำไรสุทธิ 11,682.08 ล้านบาท ลดลง70.85% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40,069.49 ล้านบาท, บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ขาดทุน 1,174.04 ล้านบาท ลดลง -115.17%จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 7,734.99 บมจ. ไทยออยล์ (TOP) กำไรสุทธิ 6,276.68 ลดลง38.15 % จากปีก่อนกำไรสุทธิ10,149.03 ล้านบาท ,บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) มีกำไรสุทธิ 4,060.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.89 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปตท.ยังไม่ประกาศงบซึ่งบล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)คาดกำไรสุทธิ 94,682 ล้านบาท ลดลง 20.89 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะ มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน โรงกลั่นหยุดซ่อม ค่าการกลั่น ธุรกิจปิโตรเคมีลดลง ทั้งราคา-ปริมาณการขาย

158203464280

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คาดกำไรกลุ่มปตท.ปี 2563 อยู่ที่ 178,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2562 คาดอยู่ที่ 156,968 ล้านบาท เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มปตท.ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น TOP คาดมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 48% อยู่ที่ 8,562 ล้านบาท เพราะ ไม่มีขาดสต็อกน้ำมัน ค่าการกลั่น ดีขึ้นผลบวกจากองค์การทางเรือระหว่างประเทศ (IMO)ให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันกำมะถันต่ำ , PTTGC คาดมีกำไรสุทธิ 18,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% เพราะ โรงกลั่นกลับมาเดินเครื่อง ค่าการกลั่นดีขึ้น ไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน แม้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ โอเลฟินส์ จะยังไม่ค่อยดีจากความต้องการซื้อชะลอตัว

ขณะที่ IRPC พลิกมีกำไรสุทธิ 2,874 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีผลขาดทุน 1,174 ล้านบาท เพราะคาดไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น และปีนี้ไม่มีการหยุดซ่อมโรงกลั่น  ส่วน PTTEP ปี 2563 คาดจะมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 40,248 ล้านบาท ลดลง 18%จากช่วงเดียวกันก่อน เพราะราคาจำหน่ายก๊าซที่ทยอยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันเตา และราคาขายน้ำมันลดลง และ คาดกำไร PTT ปีนี้เพิ่มขึ้น 14.4% อยู่ที่ 108,305 ล้านบาท เพราะ คาดปีนี้ไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นไม่มีหยุดซ่อม ขณะที่ปิโตรเคมี ค่าการกลั่น ธุรกิจรีเทล ฯลฯ ปรับตัวดีขึ้น

     

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มปตท.วานนี้ (18 ก.พ.) ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดย PTTGC ปรับตัวลดลง 4.76% ปิดที่ 50 บาทต่อหุ้น หลังประกาศกำไรปี 63 ร่วงหนัก 71% รองมา TOP ลดลง 2.80% มาปิดที่ 52 บาท GPSC ลดลง 1.30% ปิดที่ 75.75 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลง 13.57 จุด หรือ 0.89% อยู่ที่ 1,513.68 จุด มูลค่าซื้อขาย 49,275.95 ล้านบาท 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่าคาดสาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงวานนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากมีแรงกดดันจากการประกาศตัวเลข GDP Growth ไตรมาส 4 ปี 2562 ของไทยอยู่ที่ 1.6% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี 3 เดือน และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสสูงที่สำนักวิจัยต่างๆ จะปรับลด GDP Growth ปี2563 ลดลงต่ำกว่าระดับ 2% อีกรอบ ประกอบกับมีโอกาสที่คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) จะใช้มาตการการเงินผ่อนคลายอีก ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าต่อและถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเม็ดเงินต่างชาติชะลอลงทุนในตลาดหุ้นไทย 

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากการทยอยประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด และอาจส่งผลกระทบให้คาดการณ์กำไรบจ.ปีนี้อาจไม่เติบโตหรือพลิกเป็นติดลบ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี