'ชีวาทัย' หวั่นพิษโควิด-19 ฉุดจีนโอนคอนโดฯ ไตรมาส2

'ชีวาทัย' หวั่นพิษโควิด-19 ฉุดจีนโอนคอนโดฯ ไตรมาส2

“ชีวาทัย” ชี้ตลาดอสังหาฯปีนี้เผชิญปัจจัยลบกระหน่ำ ระบุหากจีดีพีต่ำกว่า 2% ฉุดเชื่อมั่น กำลังซื้อหด หวั่นไวรัสโคโรน่า2019 กระทบยอดโอนคอนโดคนจีนไตรมาส2 เผยแผนเดินหน้าลงทุนระมัดระวัง ซื้อโครงการคอนโดโลว์ไรส์ หวังรับรู้รายเร็ว

นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายของธุรกิจอสังหาฯ เนื่องจากเผชิญผลกระทบจากปัจจัยลบมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นมาตรการควบคุมสินเชื่อ (แอลทีวี) กำลังซื้อจากคนจีนที่หายไป กำลังซื้อภาพรวมที่หดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ลดลงจาก 2.8% เหลือ 1.5-2.5% ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่น ทำให้คนชะลอการซื้อ บ้านและรถยนต์ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ราคาแพง

"แม้ว่าตอนนี้ผลกระทบจะไม่เห็นภาพชัดเจนในตลาดอสังหาฯ แต่เชื่อว่า ในไตรมาส 2และ3 ปีนี้จะเห็นภาพชัดเจน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนจีน ที่มีจำนวน 20 อาคารในกรุงเทพฯที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมโอน ต้องรอดูว่าคนจีน ฮ่องกงและสิงคโปร์จะมาโอนกรรมสิทธ์หรือไม่”

เขายังกล่าวว่า แม้ว่าลูกค้าหลักของบริษัทจะไม่ใช่คนจีนแต่ได้รับผลกระทบทางอ้อม หากคนจีนไม่เข้ามาโอนฯ จะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นต้องนำสินค้าเหล่านั้นมาทำโปรโมชั่นราคาขายให้กับกลุ่มลูกค้าคนไทยที่เป็นความต้องการที่แท้จริง (เรียลดีมานด์) ยิ่งบริษัทขนาดกลางและเล็กจะเสียเปรียบในแง่ต้นทุนไม่สามารถแข่งขันราคาได้เท่ากับรายใหญ่

โดยในปีนี้บริษัทระมัดระวังในการลงทุน หลังจากที่ปีที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดทุน 55 ล้านบาท เป็นผลจากการที่กลุ่มลูกค้าได้รับผลกระทบจากมาตรการแอลทีวี ส่งผลให้ตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจค) เพิ่มขึ้นถึง 50% จากเดิม 10-20%

สำหรับในปี 2563 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,602 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,266 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุม มูลค่าโครงการ 903 ล้านบาท จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 1/2563

2.โครงการชีวาโฮม รังสิต-ปทุม มูลค่าโครงการ 1,093 ล้านบาท จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 2/2563

3.โครงการฮาร์ท สุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 1/2563 โดย ชีวาทัย ถือหุ้นในสัดส่วน 70% 

ส่วนอีกหนึ่งโครงการซึ่งเป็นไฮไรส์ คือ 4.โครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ลำสาลี มูลค่าโครงการ 1,336 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์จะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 4/2563

นอกจากนี้ ในปี 2563 บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อโครงการคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ จำนวน 1 โครงการ เพื่อการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้น นายบุญ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนรวมไว้ที่ 4,550 ล้านบาท แบ่งเป็น งบซื้อที่ดิน จำนวน 858 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดิน จำนวน 4 แปลง ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนก่อสร้าง โดยแหล่งเงินทุนยังคงเพียงพอ ซึ่งในปีนี้ บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ จำนวน 1,200 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2563 จะเติบโตขึ้นจากปี 2562 ซึ่งผลการดำเนินงานจะเทิร์นอะราวด์ (พลิกมีกำไรสุทธิ) จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 55.06 ล้านบาท

โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 73% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 1,154 ล้านบาท จากการทยอยส่งมอบโครงการตามแผนอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม ประมาณ 1,120 ล้านบาท และการส่งมอบโครงการแนวราบประมาณ 880 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 1,572 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ในปี 2563 ที่ประมาณ 796 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขาย (สต็อก) มูลค่ารวมประมาณ 975 ล้านบาท จาก 9 โครงการ แบ่งเป็นสต็อกโครงการแนวราบ ประมาณ 675 ล้านบาท และสต็อกโครงการแนวราบ ประมาณ 300 ล้านบาท

ในปีนี้ จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม3,130 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญ 13 มูลค่าโครงการ 430 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 30-40% จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 1/2563, 2.โครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40% จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 และ 3.โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้าบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40% จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 4/2563