BPP-PSL กอดคอหลุดเซ็ท 100 ปัจจัยลบรุมเร้าราคาหุ้น

 BPP-PSL กอดคอหลุดเซ็ท 100  ปัจจัยลบรุมเร้าราคาหุ้น

หุ้นซุปเปอร์ไอพีโอ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC จะเตรียมเข้าทำการซื้อขายวันแรก 20 ก.พ. นี้ ท่ามกลางปัจจัยลบที่รุกเร้าสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกร่วมทั้งไทย

     จนทำให้ดัชนี ยังไม่ไหนไม่ได้ไกลตั้ง ยิ่งในสัปดาห์นี้มูลค่าการซื้อขายเบาบางหลังตัวเลขจีดีพีออกมาไม่ค่อยดีหนัก

     ด้านนักลงทุนจึงต้องมาลุ้นกันว่า หุ้นบิ๊กค้าปลีกของไทยที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลเข็นเข้ามาระดมทุนในรอบนี้จะปลุกกระแสการลงทุนในตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน ด้วยมูลค่าระดมทุน 78,124.2 ล้านบาท จำนวนหุ้น 1,860.1 ล้านหุ้น ที่ราคา 42 บาท เบื้องต้นมีการคาดการณ์มูลค่ามาร์เก็ตแคปทะลุ 2 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นหุ้นไอพีโอที่มีมูลค่าสูงที่สุดแซงหน้า บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC 199,672.65 ล้านบาท

    รวมทั้งการเข้าสู่ SET 50 และ SET 100 โดยปริยาย เหมือน AWC ที่เข้าอยู่ในอันดับ ที่ 18 ภายหลังจากการคำนวณ 3 วันทำการ ( T+3) หากเป็นไปตามคาดกาณ์ CRC จะเข้าไปอยู่ในอันดับ 15-16 แรก ทันที ประมาณช่วงทำการซื้อขายวันที่ 25 ก.พ.

     ปัจจุบันข้อมูลมาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 17 ก.พ. 2563 หุ้นที่ติดอันดับ 15 ธนาคารกรุงไทย (KTB) มูลค่า 225,014.59 ล้านบาท และอันดับที่ 16 บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC

     ขณะเดียวกันยังทำให้หุ้นในอันดับท้าย SET 50 และ SET 100 ตกชั้นไปตามระเบียบ อันดับที่ 50 บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ด้วยมูลค่า 47,595.94 ล้านบาท และอันดับที่ 100 บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL มูลค่า 8,420.18 ล้านบาท

     ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทั้ง BPP และ PSL สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการปรับตัวลดลงแรง ส่วนหนึ่งมีการคาดการณ์ว่ามาจากการเตรียมปรับพอร์ตลงทุนของกองทุนหากมีการปรับอันดับในกลุ่ม SETซึ่ง BPP ราคาปรับตัวลดลง 11.86 %  วานนี้ (18 ก.พ.) ปิด 15.20 บาท ลดลง  0.65 % และ PSL วานนี้ ปิด  5.60 บาท  เพิ่มขึ้น 3.70 %จากต้นปีราคาลดลงแล้ว 32 % และช่วง 1 สัปดาห์ลดลง 28 % 

    อย่างไรก็ตาม ทั้ง BPP และ PSL เผชิญปัจจัยลบไม่น้อย โดยเฉพาะผลการดำเนินงานที่อาจจะสะดุดจากปัจจัยเศรษฐกิจ โดย BPP ซึ่งมีการลงในโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น สปป.ลาว จีน และญี่ปุ่น มีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 2,900 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 4,300 เมกะวัตต์

    ทำให้ต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยการโอนธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในกลุ่ม บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ด้วยการตั้งบริษัทใหม่ และให้ BPP ถือหุ้นสัดส่วน 50 % จะแล้วสร็จเดือน ก.พ. นี้

    นอกจากนี้การลงทุนในต่างประเทศยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และปัญหาแผ่นดินไหวจากโรงไฟฟ้าหงสา สปป. ลาว ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าลดลง ส่งผลโดยตรงต่อกำไรที่จะรับรู้ จึงทำให้มีการปรับประมาณการณ์กำไรปี 2562-2563 ลดลง

     ส่วน PSL ซึ่งดำเนินธุรกิจเดินเรือขนส่งสินค้าทั่วโลกทั้ง สหรัฐ แคนาดา ยุโรป ละตินอเมริกา-แอฟริกา อินเดียอนุทวีป-ตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกไกล จึงทำให้ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก COVID-19 ที่ยังแพ่ระบาดจนกระทบกำลังซื้อของภาคธุรกิจสำคัญๆ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่เป้นฐานลูกค้าสำคัญ

   ผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2562 มีกำไร 26 ล้านบาทลดลงถึง 82 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการลดลงทั้งรายได้ ค่าระวางเรือ สวนทางกับ ค่าใช้จ่าย SG&A ที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลทำให้ทั้งปี 2562 เผชิญขาดทุน 228 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 456 ล้านบาท มาจากขาดทุนค่าเงิน และปริมาณการขนส่งสินค้าที่ต่ำกว่าคาด ที่สำคัญตามมาด้วยการปรับลดเป้าหมายกำไรปี 2563 ของโบรกเกอร์เช่นกัน

    บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กรุงไทย ซีมิโก้ ปรับประมาณการณ์ปี 2563-2564 ลง สะท้อนแนวโน้ม BDI และค่าระวางเรือของ PSL ที่คาดว่าจะลดลงในปีนี้จากสถานการณ์โอเวอร์ซัพพรายในตลาดเรือเทกอง อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่คาดว่าจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น PSL ปรับตัวลง 32% จากต้นปี น่าจะสะท้อนปัจจัยลบนี้ไปแล้วในระดับหนึ่ง คงคำแนะนำ “ถือ” PSL ที่ราคาพื้นฐานใหม่ 5.80 บาท อิง P/BV 0.9 เท่า (-0.5SD)