พาณิชย์แก้ไขสัญญาซื้อข้าวจีทูจีกับจีน

พาณิชย์แก้ไขสัญญาซื้อข้าวจีทูจีกับจีน

กรมการค้าต่างประเทศ แก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจี 1 ล้านตัน หวังให้จีนหันมาซื้อให้หมดสัญญา 1 ล้านตัน          

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้กรมปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีน ในส่วนที่เหลือส่งมอบอีก 300,000 ตันจากสัญญาทั้งหมด 1 ล้านตัน ในเรื่องของชนิดข้าว และปริมาณข้าวที่จะส่งมอบให้จีน โดยได้แก้ไขสัญญาให้ไทยสามารถส่งมอบข้าวชนิดอื่นให้กับจีนได้ จากเดิมที่กำหนดเฉพาะข้าวหอมมะลิ และข้าวขาว ส่วนปริมาณการส่งมอบ ได้แก้ไขให้ไทยสามารถส่งมอบเป็นล็อตเล็กๆ ปริมาณน้อยๆ ไม่ต้องส่งมอบมากถึงล็อตละ 100,000 ตันเหมือนที่ผ่าน

สำหรับสัญญาดังกล่าว 2 ประเทศได้ลงนามร่วมกันมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา และที่ผ่านมา ได้มีการเจรจาซื้อขาย และไทยส่งมอบไปแล้ว 7 ล็อตๆ ละ 100,000 ตัน รวม 700,000 ตัน ยังเหลืออีก 300,000 ตัน แต่ปี 62 ไทยส่งมอบไม่ได้เลย เพราะจีนไม่ซื้อจากไทย เนื่องจากข้าวไทยมีราคาสูง ขณะที่จีนมีสต๊อกข้าวจำนวนมากกว่า 100 ล้านตัน จึงยังไม่นำเข้าจากไทย

           

”การแก้ไขสัญญาก็เพื่อให้ไทยสามารถส่งมอบข้าวให้กับจีนได้อย่างต่อเนื่อง จากปีที่แล้ว ไทยส่งมอบข้าวตามสัญญานี้ไม่ได้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้ ไทยได้เสนอที่จะส่งมอบข้าวชนิดอื่นให้กับจีนแทน เช่น ข้าวหอมปทุมธานี ซึ่งมีความนุ่มใกล้เคียงข้าวหอมมะลิ แต่ราคาถูกกว่า เพื่อเป็นทางเลือกให้จีนหันมาบริโภคข้าวชนิดใหม่ของไทยมากขึ้น และปริมาณที่จะส่งมอบก็แก้ไขให้ส่งมอบได้น้อยๆ แค่ล็อตละ 20,000-30,000 ตันก็พอ ซึ่งน่าจะทำให้จีนตัดสินใจเจรจาซื้อจากไทยง่ายขึ้น”

            สำหรับการส่งออกข้าวจีทูจีในปี 63 กรมไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกให้ได้เท่าไร เพราะตลาดข้าวจีทูจี ที่ไทยเคยส่งออกนั้น ขณะนี้ยังไม่ประกาศนำเข้า อย่างอินโดนีเซีย ส่วนฟิลิปปินส์ ที่หน่วยงานนำเข้าของรัฐบาล เคยประกาศเปิดประมูลนำเข้า และกรมเคยเข้าร่วมประมูลขายให้นั้น ได้ปรับเปลี่ยนเป็นให้เอกชนนำเข้าได้อย่างเสรี อย่างไรก็ตาม กรมจะเดินหน้าหาตลาดข้าวอื่นๆ เพิ่มขึ้น

            

ทั้งนี้ ในปี 63 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายส่งออกข้าวที่ 7.5 ล้านตัน ลดลงจากปี 62 ที่ส่งออกได้ 7.58 ล้านตัน เพราะคาดว่า ผลผลิตข้าวไทยปีนี้จะลดลงมาก จากปัญหาภัยแล้ง รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนาม อินเดีย และต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าคู่แข่งเช่นกัน จนทำให้ราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่งมาก และผู้ซื้อหันไปซื้อข้าวจากคู่แข่งแทน อีกทั้งจีน ซึ่งเดิมเคยเป็นผู้นำเข้า แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นผู้ส่งออกและแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในบางประเทศ โดยเฉพาะแอฟริกา เพราะมีสต๊อกข้าวปีนี้มากถึงกว่า 120 ล้านตัน รวมถึงข้าวไทยไม่มีความหลากหลายมากพอ ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายกลุ่ม จึงทำให้ตลาดข้าวบางชนิดกลายเป็นของคู่แข่งแทน