ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ 'ราคาน้ำมัน' 17-21 ก.พ.63 และสรุปสถานการณ์ฯ 10-14 ก.พ.63

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ 'ราคาน้ำมัน' 17-21 ก.พ.63 และสรุปสถานการณ์ฯ 10-14 ก.พ.63

ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในระดับต่ำ หลังอุปสงค์น้ำมันยังคงถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 49-54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 54-59 ดอลลาร์สหรัฐฯ  ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (17 – 21 .. 63)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ หลังตลาดยังคงกังวลกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศจีน โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน จะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรที่คาดว่าจะปรับลดลงอีก 600,000 บาร์เรลต่อวัน จากข้อตกลงเดิมที่ปรับลด 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่ตลาดประเมินว่าไวรัสโคโรนาอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 63 ปรับลดลงราว 150,000 – 300,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามล่าสุด จำนวนผู้ป่วยรายใหม่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลดีต่ออุปสงค์ในตลาดน้ำมัน
  • สำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) รายงานตลาดการขนส่งทางอากาศของจีนหดตัวลงในเดือน ม.ค. 63 เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยมีผู้โดยสารเดินทางราว 6 ล้านเที่ยว ลดลงร้อยละ 5.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
  • ความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับลดลง หลังโรงกลั่นของบริษัท Petrochina ของจีนลดกำลังการผลิตลงราว 320,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 6% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน Petrochina, Sinopec และ China National Offshore Oil (CNOOC) ลดกำลังผลิตรวมไปแล้ว 940,000 บาร์เรลต่อวัน อันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบายไวรัสโคโรนา
  • สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.พ. 63 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 7.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก
  • ปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีกราว 600,000 บาร์เรลต่อวัน จากข้อตกลงเดิมที่ปรับลดอยู่ที่ 7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • รัฐบาลจีนประกาศปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงครึ่งหนึ่ง มูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่เคยเรียกเก็บภาษีที่อัตราร้อยละ 5-10 ในสินค้ากว่า 1,700 รายการ ขณะที่ ภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจะลดลงจาก 5% มาอยู่ที่ 5% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 63 ทั้งนี้ อาจทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้น หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 2 ปี ส่งผลกดดันเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา
  • เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางจีน และการตีพิมพ์รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (10 – 14 .. 63)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 1.73 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 52.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 2.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 57.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 55.09 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนลดลงแตะระดับต่ำสุดนับจากวันที่ 30 ม.ค. 63 ทำให้ตลาดคลายความกังวลลงบางส่วน นอกจากนี้ กลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรมีท่าทีที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกราว 600,000 บาร์เรลต่อวัน ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ของปี 63 เพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันที่ได้รับแรงกดดันจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่