Selective Buy

Selective Buy

คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,520 - 1,540 จุด ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวก/ลบ ใหม่ที่ชัดเจน

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ปรับตัวลง -6.47 จุด (-0.42%) ปิดที่ 1,526 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท นักลงทุนเทขายหุ้นในกลุ่มที่ราคาปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้าและราคาเริ่มเกินมูลค่าพื้นฐาน นำโดย กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มไฟแนนซ์ ทิศทาง Fund flow ยังเป็นลบ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,578 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และ Net Short TFEX 8,156 สัญญาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีกทั้งพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,345 ล้านบาทเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,520 - 1,540 จุด ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวก/ลบ ใหม่ที่ชัดเจน สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ยังไม่คลี่คลาย Trade war อาจจกลับมาประทุขึ้นอีกครั้งหลังจากล่าสุดสหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องบินจากสหภาพยุโรป ขณะที่ปัจจัยในประเทศรอติดตามการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4/19 จากสภาพัฒน์ Bloomberg Consensus คาดขยายตัว 1.9% หดตัวจาก 2.4% ในไตรมาส 3/19 เป็นลบต่อ Sentiment รวมและหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างไรก็ตามบาง Sector ยังมีปัจจัยหนุน อาทิ กลุ่มสื่อสาร ราคาในวันนี้น่าจะตอบรับในทางบวกหลังการประมูล 5G ที่ผ่านมาเมื่อวานไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวล

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มรับเหมา (STEC, CK, SEAFCO) กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) สภาฯโหวตผ่านพ.ร.บ.งบปี 63 วาระ 2 , 3
  • กลุ่มพลังงาน (TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD , KTC ) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA)  Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • ADVANC (ปิด 204 ซื้อ/เป้า 247 บาท) คาดราคาหุ้นวันนี้น่าจะตอบรับเชิงบวกหลังการแข่งขันประมูลคลื่น 5G ไม่ได้รุนแรงเหมือนที่กังวล ขณะที่ ADVANC ได้คลื่นครบตามต้องการแม้จะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกกว่า 4 หมื่นล้านบาทแต่ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประมูลคลื่น 4G ที่ใช้เงินลงทุนสูงกว่า 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้ระยะสั้น ADVANC ยังมีปันผลจ่ายสำหรับ 2H19 อีก 3.5 บาทขึ้น XD 19 ก.พ.19
  • LH (ปิด 9.6 ซื้อ/เป้า 11.5) หุ้นกลุ่มอสังหาฯทยอยประกาศงบออกมาอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่โดดเด่นที่เงินปันผล LH เป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง ราคาหุ้นที่ลดลงมองเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อเพื่อรับเงินปันผลในปีครึ่งหลัง (2H19) ซึ่งคาดว่าจะประกาศจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.40 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 4%

บทวิเคราะห์วันนี้

BTS (ปิด 12.7 ปรับเป็นซื้อ/เป้าใหม่ 15.4 เดิม 14), TOP (ปิด 53.25 ซื้อ/เป้าใหม่ 68 เดิม 79), ICT sector (Top pick: ADVANC, INTUCH)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) กลุ่มสื่อสาร - ประมูล 5G จบเร็วไม่ยืดเยื้อ ผู้ประกอบการได้คลื่นตามต้องการ ระยะสั้นเป็นบวกกับ ADVANC, TRUE แต่เป็นลบกับ DTAC: สรุปผลประมูล 5G ภาพรวมเป็นบวกการแข่งขันไม่รุนแรงอย่างที่กังวล โดย ADVANC ได้ใบอนุญาตมากสุดครบทั้ง 3 คลื่นความถี คือ 700MHz ได้ 1 ใบอนุญาต, 2600MHz ได้ 10 ใบอนุญาต และ 26GHz ได้ 12 ใบอนุญาต แต่ต้องใช้เงินลงทุนมากสุดประมาณ 42,060 ล้านบาท ส่วน TRUE ได้มา 2 คลื่นความถี่ คือ 2600MHz ได้มา 9 ใบอนุญาต  และคลื่น 26GHz ได้มา 8 ใบอนุญาต รวมเป็นเงินลงทุนประมาณ 21,448 ล้านบาท และสุดท้าย DTAC ได้มาคลื่นเดียวคือ 26GHz จำนวน 2 ใบอนุญาต คาดใช้เงินลงทุนน้อยสุดประมาณ 900 ล้านบาท ระยะสั้นราคาหุ้น ADVANC และ TRUE น่าจะตอบรับเชิงบวกจากการแข่งขันที่ไม่รุนแรงและยังได้คลื่นครบตามที่ต้องการโดยเฉพาะคลื่น 2600MHz ซึ่งเป็นคลื่นหลักสำหรับรองรับธุรกิจ 5G ตรงกันข้ามกับ DTAC ที่ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลงเพราะมีความเสี่ยงที่จะเสียฐานลูกค้าจากเกมส์การตลาด 5G (DTAC ได้คลื่นน้อยเกินไป)
  • (-) สงครามการค้ายังไม่จบ ล่าสุดสหรัฐสั่งขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องบินจาก EU เป็น 15% (เดิม 10%): เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องบินจากสหภาพยุโรป (EU) อีกครั้งจาก 10% เป็น 15% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 มี.ค.2020 นับเป็นการขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องบินเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมาสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องบินของ EU ในอัตรา 10% เพื่อตอบโต้ที่ EU ให้การสนับสนุนบริษัทแอร์บัส ซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของโบอิ้งบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของอเมริกา
  • (-) วันนี้ติดตาม สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 4/19 คาดภาพรวมยังหดตัว แต่มองว่ายังไม่ใช่จุดต่ำสุด: เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาด GDP ของไทยในไตรมาส 4/19 จะขยายตัว 1.9% ลดลงจากไตรมาส 3/19 ที่ขยายตัว 2.4% ส่งผลให้ทั้งปีขยายตัวเพียง 2.8% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอัตราการขยายตัวดังกล่าวยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของไทย โดยเราคาดว่าในช่วง 1H20 เศรษฐกิจไทยอาจจะขยายตัวต่ำกว่าระดับ 2% ได้อีกเนื่องจากทุกฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังหดตัว (C+I+G+X-M) โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19